ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

พบมากในวัยรุ่น! “ซิฟิลิส” โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์


วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

จิราภพ ทวีสูงส่ง

แชร์

พบมากในวัยรุ่น! “ซิฟิลิส” โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

https://www.thaipbs.or.th/now/content/2736

พบมากในวัยรุ่น! “ซิฟิลิส” โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

“โรคซิฟิลิส” (Syphilis) ในปัจจุบัน  พบมากใน “กลุ่มวัยรุ่น” ช่วงมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย อายุระหว่าง 15-24 ปี เนื่องจากเป็นวัยเจริญพันธุ์ มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยังขาดความเข้าใจเรื่องเพศศึกษา รวมถึงวัยรุ่นในปัจจุบันใช้ชีวิตที่อิสระมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือเพศสัมพันธ์แบบคืนเดียว (One night stand : ONS) Thai PBS Sci & Tech จึงขอนำ “ซิฟิลิส” โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาให้ได้รู้จัก เพื่อไม่ประมาทจนเกิดโรคนี้กับตนเอง

รู้จัก “ซิฟิลิส”

ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรีย โดยปกติจะติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อซิฟิลิสหากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้เกิดปัญหารุนแรงตามมาภายหลังได้ การดำเนินโรคในขั้นต้นโดยทั่วไปจะเริ่มจากบาดแผล ซึ่งมักพบบริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก ลักษณะของแผลจะเป็นแผลที่ไม่รู้สึกเจ็บ (Painless sore) หรือเรียกว่าแผลริมแข็ง (Chancre) การแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นสามารถเกิดได้ผ่านทางการสัมผัสบาดแผลนี้กับผิวหนังหรือเยื่อบุต่าง ๆ

“โรคซิฟิลิส” (Syphilis) อาจเป็นปัญหาที่ตรวจพบได้ยาก เนื่องจากการดำเนินโรคหลังจากได้รับเชื้อแล้ว เชื้อแบคทีเรียสามารถหลบซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ ภายในร่างกายเราได้เป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะมีอาการแสดงขึ้นมาในภายหลัง ซึ่งระยะนี้เรียกว่าระยะแฝง (Latent phase) หากเราสามารถตรวจพบการติดเชื้อนี้ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ และหลังจากรักษาจนหายขาดแล้ว เราจะไม่เป็น “โรคซิฟิลิส” เว้นแต่ว่าจะได้รับเชื้อจากผู้ติดเชื้อรายอื่น

สาเหตุเกิด “ซิฟิลิส”

“ซิฟิลิส” (Syphilis) เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “ทรีโพนีมา แพลลิดัม” (Treponema pallidum) ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้ผ่านทางรอยขีดข่วนหรือบาดแผลเล็ก ๆ บนผิวหนังและเยื่อบุต่าง ๆ การแพร่กระจายของเชื้อชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในระยะแรก ซึ่งเป็นระยะที่มีแผลริมแข็ง (Chancre) หรือในระยะที่สอง ซึ่งจะมีอาการแสดงคือมีผื่นขึ้น หรือแม้แต่ในช่วงแรกๆ ของระยะแฝง (Early latent phase) ซึ่งไม่มีอาการแสดงใด ๆ เลยก็ตาม

หลายคนมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับการติดต่อของเชื้อซิฟิลิส (Syphilis) ในความเป็นจริงเชื้อชนิดนี้จะไม่ติดต่อผ่านทางการใส่เสื้อผ้าร่วมกัน ใช้ห้องน้ำร่วมกัน รับประทานอาหารจากภาชนะเดียวกัน หรือแม้แต่จากลูกบิดประตู สระว่ายน้ำ อ่างอาบน้ำ หรือการใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ นอกจากนี้ มีการติดเชื้อบางกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก สามารถเกิดได้จากการสัมผัสโดยตรงกับบริเวณที่มีการติดเชื้ออยู่ขณะนั้น เช่น ผ่านทางการจูบ เป็นต้น

ติดเชื้อ “ซิฟิลิส” โดยกำเนิด (Congenital Syphilis)

“ซิฟิลิส” (Syphilis) สามารถติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูกระหว่างการตั้งครรภ์ หรือระหว่างการคลอดได้ การติดเชื้อกรณีนี้จะเรียกว่าโรคติดเชื้อซิฟิลิสโดยกำเนิด (Congenital syphilis) ซึ่งนับเป็นการติดเชื้อที่รุนแรง และมีผลร้ายแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้ การติดเชื้อซิฟิลิสโดยกำเนิดนี้สามารถทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด ทารกเสียชีวิตในครรภ์ หรือเกิดการเสียชีวิตในทารกแรกเกิดได้ นอกจากนี้การติดเชื้อซิฟิลิสโดยกำเนิดยังสามารถส่งผลให้มีอาการหูหนวก ตาบอด มีความผิดปกติทางโครงสร้างต่าง ๆ รวมถึงความผิดปกติทางระบบประสาทในเด็กได้ ซึ่งหากเราสามารถตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยการให้ยาปฏิชีวนะเพนิซิลลิน (Penicillin) จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้ได้

อาการของ “ซิฟิลิส” (Syphilis) แบ่งได้ 4 ระยะ

ซิฟิลิสระยะที่ 1

จะเกิดอาการภายใน 3 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ผู้ป่วยมีแผลที่อวัยวะเพศหรือที่ทวารหนัก ลักษณะเป็นแผล ขอบแข็ง ไม่เจ็บ เรียกว่า chancre อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต อาการสามารถหายได้เองใน 3-8 สัปดาห์ แต่เชื้อโรคยังคงอยู่และจะเข้าสู่ระยะที่ 2

ซิฟิลิสระยะที่ 2

จะปรากฏอาการ 3-12 สัปดาห์หลังติดเชื้อ เนื่องจากเป็นระยะที่เชื้อซิฟิลิสแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและกระแสเลือดผู้ป่วยจะมีผื่นตามตัว ฝ่ามือฝ่าเท้า ผื่นอาจหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์ แต่เชื้อซิฟิลิสยังคงอยู่ในกระแสเลือดและพัฒนาเข้าสู่ระยะต่อไป

ซิฟิลิสระยะที่ 3 ระยะแฝง

เชื้อซิฟิลิส (Syphilis) จะซ่อนอยู่ในร่างกายและทำลายอวัยวะภายในไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีอาการ โดยเชื้อสามารถแฝงอยู่ในร่างกายได้ถึง 20 ปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย

ซิฟิลิสระยะที่ 4 ระยะสุดท้าย

เมื่อเชื้อเข้าไปทำลายอวัยวะภายในจนถึงระดับหนึ่ง แล้วก็จะทำให้เกิดอาการตามระบบที่เชื้อเข้าไปทำลาย เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบประสาท ซิฟิลิสเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าทิ้งไว้แล้วไม่รักษาสามารถทำให้เกิดอาการในระบบต่าง ๆ และสามารถทำให้เกิดการพิการได้ จึงควรรักษาแต่เนิ่น ๆ

จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคซิฟิลิส

     - การจะพิสูจน์ว่าเป็นซิฟิลิส (Syphilis) หรือไม่ สามารถทำโดยนำน้ำเหลืองจากแผล หรือผื่นที่ปรากฏบนตัวผู้ป่วยไปส่องกล้อง เพื่อหาตัวเชื้อโรค หรืออาจจะเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิสก็ได้

     - ตรวจเลือดหลังจากติดเชื้อไปแล้ว ร่างกายจะสร้างโปรตีนขึ้นมาทำให้สามารถตรวจได้ แม้ให้การรักษาครบไปแล้วก็ยังสามารถตรวจพบได้นานเป็นเดือน ๆ หรือเป็นปี ๆ

การป้องกันและการรักษา “ซิฟิลิส”

การ “สวมถุงยางอนามัย” เป็นการลดความเสี่ยงของการติดโรคเท่านั้น จึงควรป้องกันก่อนโรคจะถึงตัว ด้วยการหลีกเลี่ยงการมี “เพศสัมพันธ์” กับคนแปลกหน้า นอกจากนี้หากเรามีความเสี่ยง ควรตรวจเลือดเป็นประจำ เพื่อทำการรักษาก่อนที่เชื้อจะแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น เป็นการจำกัดขอบเขตของโรคไม่ให้แพร่กระจายไปสู่คู่ของเราและคนอื่น ๆ ในสังคม สำหรับการรักษา “โรคซิฟิลิส” (Syphilis) ในปัจจุบัน สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เพนิซิลลิน” (Penicillin) โดยการใช้ยารักษาจะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์

“ซิฟิลิส” ต่างกับ “หนองใน” อย่างไร ?

นอกเหนือจากอาการ “ซิฟิลิส” (Syphilis) และ “หนองใน” ยังแตกต่างแยกย่อยที่รูปแบบการติดเชื้อ “ซิฟิลิส” ติดต่อผ่านการสัมผัสจนเกิดแผลริมแข็ง ขณะที่ “หนองใน” ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งอย่างพวกน้ำอสุจิขณะมีเพศสัมพันธ์

แม้ปัจจุบันการแพทย์จะพัฒนาไปไกล แต่โรคร้ายภัยเงียบอย่าง “ซิฟิลิส” (Syphilis) ก็สามารถกลับมาระบาดอย่างรวดเร็ว หนึ่งในเหตุผลหลักคือ ผู้ป่วยไม่ใส่ใจป้องกัน “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” ด้วยการใช้ “ถุงยางอนามัย” ไม่ระมัดระวังเรื่องการเลือกคู่นอน ใจร้อนอยากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คิดวางแผนป้องกันใด ๆ รวมถึงไม่เคยเข้ารับการตรวจโรค นอกจากนี้ผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการอย่างเด่นชัดจนกว่าจะเป็นระยะสุดท้าย ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวกลายเป็นพาหะของโรคไปโดยไม่ตั้งใจ

ดังนั้นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำทุกปี แม้จะไม่มีอาการใด ๆ แสดงก็ตาม “โรคซิฟิลิส” (Syphilis) อาจจะดูรุนแรงแต่สามารถรักษาให้หายขาดได้


อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS  

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, นพ.ภค สาธิตพิฐกุล แพทย์ผิวหนัง (ตจวิทยา), โรงพยาบาลเปาโล รังสิต, พญ.วิริยาภรณ์ จันทร์รัชชกูล กุมารเวชศาสตร์โรคติดเชื้อ

“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech 
 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ซิฟิลิสโรคซิฟิลิสSyphilisเพศสัมพันธ์มีเพศสัมพันธ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์One night standONSถุงยางอนามัยไม่ใส่ถุงยางอนามัยไม่ใส่ถุงวัยรุ่นวิทยาศาสตร์น่ารู้วิทย์น่ารู้วิทยาศาสตร์Thai PBS Sci And Tech Thai PBS Sci & Tech Science
จิราภพ ทวีสูงส่ง

ผู้เขียน: จิราภพ ทวีสูงส่ง

เซบา บาสตี้ : เจ้าหน้าที่เนื้อหาดิจิทัล สำนักสื่อดิจิทัล ไทยพีบีเอส / Specialist Contents / Journalist / Writer / Creative Copywriter / Proofreader Lover (ติดต่อ jiraphobT@thaipbs.or.th)

บทความ NOW แนะนำ

ข่าวล่าสุด