การวิเคราะห์ข้อมูลล่าสุดจาก LICIACube ได้พบว่ายาน DART ที่พุ่งชนดาวเคราะห์น้อย Dimorphos ได้สร้างฝุ่นพวยพุ่งออกมาได้มากถึงหลายหมื่นตัน ซึ่งอาจจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงวงโคจรของ Dimorphos ก็เป็นได้
ดิดีมอส (Didymos) กับ ไดมอร์ฟอส (Dimorphos) เป็นระบบดาวเคราะห์น้อยคู่ที่โด่งดังจากภารกิจ Double Asteroid Redirection Test (DART) ในปี 2022 ของทาง NASA ที่นำยานอวกาศไปพุ่งชน Dymorphos เพื่อทดสอบว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยได้หรือไม่
ผลการชนพบว่าลดเวลาการโคจรของ Dimorphos รอบ Didymos ลงได้ 33 นาที แต่ก็ยังไม่รู้แน่ชัดถึงการเปลี่ยนแปลงวงโคจรของ Dimorphos ว่าเป็นเพราะประสิทธิภาพการถ่ายทอดพลังงานจาก DART ไปยังดาวเคราะห์น้อยมีค่าสูงหรือมวลที่พวยพุ่งออกมากลายเป็นแรงปฏิกิริยาที่ส่งผลให้ดาวเคราะห์น้อยโคจรด้วยพลังงานที่ลดลง
LICIACube เป็นยานอวกาศประเภท CubeSat มีขนาดเท่ากับกล่องรองเท้า ถูกพัฒนาโดยองค์การอวกาศอิตาลี หรือ Italian Space Agency (ASI) ซึ่งออกบินก่อนที่ยาน DART จะพุ่งชน Dimorphos และบันทึกข้อมูลการพุ่งชนของ DART ด้วยกล้องถ่ายภาพมุมกว้างในช่วงไม่กี่วินาทีหลังจากการชน ภาพที่บันทึกกลับมาได้มีการมาวิเคราะห์ใหม่และตีพิมพ์ผลการศึกษาเกี่ยวกับปริมาณเศษฝุ่นที่หลุดออกมาจากการชนเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยถือว่าเป็นการศึกษาการพวยพุ่งของสสารบนพื้นผิวดาวเคราะห์น้อยโดยตรงเป็นครั้งแรก
รูปภาพที่ได้จาก LICIACube ในช่วงแรกพบว่ายากต่อการนำมาวิเคราะห์การพวยพุ่งของเศษฝุ่นจากบนพื้นผิว ดังนั้นทางทีมวิจัยจำเป็นต้องทดลองกับตัวอย่างและขนาดของฝุ่นที่เกาะอยู่เทียบกับข้อมูลการสะท้อนแสงที่ได้จาก LICIACube เพื่อดูว่าฝุ่นมีขนาดและความหนาแน่นเท่าไร
ข้อมูลที่ได้จากผลการวิเคราะห์พบว่ามวลที่พวยพุ่งออกมาจาก Dimorphos น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8,500-11,900 ตัน เทียบเท่าได้กับเครื่องบิน Boeing 747 เลยทีเดียว และอนุภาคฝุ่นส่วนใหญ่น่าจะมีขนาดตั้งแต่ไม่กี่ไมโครเมตรไปถึงหลายสิบเซนติเมตร
สุดท้ายแม้ว่าเราจะทราบปริมาณของมวลสารที่พวยพุ่งออกมาจากการชนของ DART และสามารถนำเอาองค์ความรู้ด้านแสงมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลฝุ่นที่พวยพุ่งออกมาจากพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยได้ แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องเรียนรู้อีก เพราะว่าหากการพวยพุ่งของมวลสารจากพื้นผิวของดาวเคราะห์สามารถสร้างแรงปฏิกิริยาให้กับพลังงานการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์น้อยได้ เราอาจจะสามารถนำวิธีการนี้เป็นอีกวิธีเพื่อเปลี่ยนวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยที่อาจเป็นภัยพิบัติกับโลกได้
ถึงแม้ว่าข้อมูลใหม่ที่ได้จาก LICIACube จะให้ข้อมูลช่วงวินาทีการพุ่งชนและการพวยพุ่งของมวลสารบนพื้นผิวของ Dimorphos แต่ว่ายังมีอีกหลายข้อมูลที่ยังเป็นปริศนาอยู่ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงของระบบหลังจากการชนไปแล้วหลายปีว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง และหลุมที่เกิดจากการชนของ DART มีสภาพเป็นอย่างไร เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลการถ่ายเทพลังงานต่อและศึกษาวิทยาศาสตร์ของดาวเคราะห์น้อยเพิ่มเติมอีก
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech