หลังจากการทดสอบเที่ยวบินที่ 10 ของยาน Starship ทางบริษัท SpaceX ได้ปล่อยวิดีโอการลงจอดของตัวยานในมหาสมุทรอินเดีย จากวิดีโอแสดงให้เห็นถึงผิวสีส้มและขาวรอบตัวจรวด ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเหตุใด Starship จึงเต็มไปด้วยสีส้มคล้ายสนิมของโลหะทั่วทั้งลำหลังจากกลับจากอวกาศ ขณะที่กระสวยอวกาศที่กลับจากอวกาศด้วยวิธีเดียวกันกับ Starship กลับไม่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
Starship ของ SpaceX เป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วเรียบร้อย แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนจรวดหลัก Super Heavy และส่วนบนคือ Starship ซึ่งจะเป็นส่วนที่ใช้ในการโคจรหรือเดินทางไปยังอวกาศลึก ซึ่งทั้งสองส่วนสามารถเดินทางกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้ สำหรับ Super Heavy จะใช้วิธีการเดียวกับ Falcon 9 ที่ใช้เครื่องยนต์ในการสร้างชั้นอากาศป้องกันการเสียดสีระหว่างกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ แต่ในส่วนของ Starship ใช้การกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศแบบกระสวยอวกาศคือใช้ส่วนท้องของจรวดรับการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศเพื่อลดความเร็ว
แน่นอนว่าแผนแรกสุดของ SpaceX คือใช้ Starship เป็นยานสำหรับส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคารเพื่อการตั้งรกราก ดังนั้นด้วยวิธีการนี้ยานลำนี้ต้องสามารถฝ่าชั้นบรรยากาศของดาวอังคารได้ และจากแนวคิดที่ผ่านมาของ SpaceX ตัว Starship เองก็ควรจะสามารถกลับบินขึ้นใหม่ได้เหมือนกับที่ SpaceX เคยทำกับ Falcon 9 หรือ Super Heavy โดยมีการซ่อมแซมน้อยที่สุด
แต่จากการทดสอบครั้งที่ 10 ของ Starship เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2025 หลังจากที่ Starship ฝ่าชั้นบรรยากาศของโลกและกลับมาลงจอดที่มหาสมุทรอินเดียได้สำเร็จ ภาพที่ถ่ายได้จากทุ่นลอยกลางมหาสมุทรของ SpaceX พบว่าท้องของจรวดนั้นเต็มไปด้วยคราบสีส้มคล้ายกับสนิมเหล็ก และส่วนหัวของจรวดมีคราบสีขาว ซึ่งแตกต่างจากสีดำซึ่งเป็นสีตั้งต้นเดิมของบริเวณท้องจรวดที่ทำหน้าที่ในเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับการทดสอบ Starship ครั้งก่อนหน้า
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว Elon Musk ได้ออกมาตอบกลับข้อความในช่องทาง X (ทวิตเตอร์) ไว้เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2025 ว่า แผ่นกันความร้อนของจริง (Heat Shield Tiles) ส่วนใหญ่ยังติดแน่นอยู่ ส่วนสีแดงที่เห็นคือสนิมที่เกิดจากแผ่นกันความร้อนซึ่งทำมาจากโลหะที่ใช้เพื่อการทดสอบ (Metallic Test Tiles) และส่วนที่เป็นสีขาวคือส่วนของฉนวนที่ระเหิดขณะฝ่าชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นบริเวณที่จงใจเอาออกเพื่อทำการทดสอบโครงสร้างว่าฉนวนจะทนได้ขนาดไหนโดยไม่ใช้แผ่นกันความร้อนปิดทั้งหมด
ทำให้สรุปได้ว่านี่เป็นการทดสอบของ SpaceX เองที่อยากทดสอบวัสดุใหม่และถอดเกราะเซรามิกกันความร้อนออกบางส่วนเพื่อทดสอบโครงสร้างของ Starship เท่านั้น
คำถามสำคัญคือยังเป็นสีดำและไม่มีสนิม แต่เมื่อกลับมายังพื้นโลกจึงเกิดสนิมสีส้มขึ้นที่ผิวของจรวดในเวลาแค่ไม่กี่นาที ซึ่งสนิมของเหล็กปกติจะเกิดขึ้นได้ต้องใช้ระยะเวลาที่นานกว่านั้น สาเหตุอยู่ที่ลักษณะของชั้นบรรยากาศระดับสูงที่ Starship ต้องฝ่ากลับมา ชั้นบรรยากาศระดับสูงจะแตกต่างจากชั้นบรรยากาศพื้นผิวอย่างที่เราคุ้นเคย เนื่องจากมีออกซิเจนบริสุทธิ์ในสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับก๊าซอื่น ๆ อย่างไนโตรเจน อีกทั้งเมื่อจรวดฝ่าเข้ามาในชั้นบรรยากาศจะเกิดความร้อนสูงหลายพันองศาเซลเซียส เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทางไฟฟ้าเคมีที่แย่งอิเล็กตรอนออกจากโลหะ ทำให้สนิมเกิดขึ้นง่ายมาก บางครั้งสนิมอาจจะเกิดขึ้นแค่ส่วนเล็ก ๆ ของผิวจรวด แต่ความแปลกประหลาดทางอากาศพลศาสตร์ตอนที่จรวดฝ่าชั้นบรรยากาศกลับลงมาอาจทำให้สนิมหลุดและไปเกาะที่บริเวณอื่น ๆ ของผิวจรวดจนกลายเป็นสีส้มที่มองเห็นได้ทั่วทั้งจรวดดูน่ากลัว
หาก SpaceX สามารถพัฒนาวัสดุที่ทนต่อความร้อนในการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้สำเร็จและนำกลับมาใช้งานได้หลายครั้ง จะช่วยลดต้นทุนค่าวัสดุและการซ่อมบำรุงของ Starship ลงไปได้มาก เพราะปัญหาใหญ่ของโครงการกระสวยอวกาศคือต้นทุนอันมหาศาลของกระสวยอวกาศที่หมดไปกับการซ่อมพื้นผิวเซรามิกสำหรับเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งส่วนนี้ต้องตรวจสอบและเปลี่ยนทุกครั้งที่กระสวยอวกาศกลับมาลงจอด ดังนั้นหาก SpaceX ทำได้จริง Starship จะกลายเป็นเครื่องจักรผลิตเงินให้กับ Elon Musk เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการเดินทางไปตั้งรกรากบนดาวอังคารได้จริงอย่างที่เขาตั้งใจ
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech