ตกเป็นข่าวอีกหนึ่ง “วัดดัง” ที่พบความไม่ชอบมาพากลเรื่องเงินบริจาควัด ตลอดจนปมที่ถูกกล่าวหาเรื่องความสัมพันธ์กับสีกา สำหรับ “วัดนาป่าพง” ที่มีพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เป็นเจ้าอาวาส
Thai PBS หยิบ 5 เรื่องราว เพื่อย้อนไปทำความรู้จักวัดดังแห่งนี้ มีความเป็นมา และมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจอะไรบ้าง
1.วัดนาป่าพง วัดที่มีอายุกว่า 23 ปี
ประวัติการเกิดขึ้นของวัดนาป่าพง หากเข้าไปชมยังเว็บไซต์ของวัด จะพบเรื่องราวประวัติความเป็นมา โดยวัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2545 หรือเมื่อ 23 ปีก่อน
เดิมที พื้นที่ของวัด เป็นที่ดินของมารดาของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ที่ยกที่ดินถวาย หลังจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ กลับจากการออกธุดงค์ เพื่อจุดประสงค์ให้ไว้ใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนา และพำนักของพระอาจารย์คึกฤทธิ์
ในช่วงระหว่างนั้น สถานที่แห่งนี้ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2545 จึงได้ขึ้นทะเบียนตั้งเป็น “วัดนาป่าพง” โดยตั้งอยู่ เลขที่ 29 หมู่ 7 ตำบลบึงทองหลาง อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

2.ประวัติ พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เดิมชื่อจริงว่า นายคึกฤทธิ์ ธรรมธิษฐาน เกิดเมื่อปี พ.ศ.2506 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จบการศึกษาที่โรงเรียนเตรียมทหารและจบหลักสูตรนายร้อย จปร. รุ่น 33 เริ่มต้นศึกษาธรรมะอย่างจริงจังเมื่ออายุ 30 ปีเศษ
ต่อมาได้อุปสมบทในปี พ.ศ.2538 ที่วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา ได้รับฉายาว่า โสตฺถิผโล ซึ่งแปลว่า "ผู้มีผลแห่งความสวัสดี" หลังจากนั้นได้ย้ายมาปฏิบัติธรรมที่จังหวัดปทุมธานี และเริ่มก่อสร้างวัดนาป่าพงขึ้น เพื่อเป็นสถานที่เผยแผ่คำสอนที่มุ่งเน้นพระธรรมวินัย

3.วัดนาป่าพง กับวิธีการเผยแผ่คำสอน ที่นำมาซึ่งความแตกต่าง
ในเว็บไซต์ของวัด พบเมนูหมวดการเผยแผ่คำสอนของวัด ทั้งในรูปแบบวิดีโอ หนังสือ เสียง หรือสื่อทางวิทยุ และรวมไปถึงข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมของวัด ซึ่งถือเป็นช่องทางการเผยแพร่ที่มีความทันสมัย ทันโลก และเข้าถึงผู้คนหมู่มากได้ง่าย โดยทั้งหมดทั้งมวล มีประโยคที่ทางวัดชูเป็นคำสำคัญ นั่นคือ พุทธวจน
ในเว็บไซต์ดังกล่าว มีคำอธิบาย “พุทธวจน” ไว้ว่า…เป็นหลักธรรมคำสอนจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า พุทธวจนไม่ใช่คำที่แต่งขึ้นใหม่ หรือคิดขึ้นมาในภายหลังแต่อย่างใด แต่เป็นธรรมะที่เกิดจากการจำหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งถ่ายทอดด้วยการใช้พุทธวจนอธิบายพุทธวจนเอง ไม่ใช้ความเห็นของตน และเชื่อมโยงพุทธวจนบทต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ
จากวิธีการเผยแผ่หลักคำสอนดังกล่าว ส่งผลให้วัดนาป่าพง กลายเป็นที่รู้จัก และได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชนหมู่มาก แม้ว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตในความแตกต่างจาก “วิธีการสอนธรรมะ” ของวัดอื่น ๆ ก็ตาม
4.ความต่างของวัดนาป่าพง สู่ข้อพิพาทและการถกเถียง
เนื่องจากหลักการสำคัญของการสอนธรรมะของวัดนาป่าพง คือ การกลับไปศึกษาและยึดถือคำสอนของพระพุทธเจ้าจากพระไตรปิฎกโดยตรง และปฏิเสธการอ้างอิงจากคัมภีร์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงวิธีการเผยแผ่ธรรมมะของวัดขึ้นในคราวเดียวกัน
ที่ผ่านมา เคยมีการถกเถียงถึงแนวทางการเผยแผ่ธรรมะของพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และวัดนาป่าพง โดยมีการแสดงความเห็นทำนองว่า เน้นแต่คำสอนในพระไตรปิฎก ซึ่งอาจเป็นการมองข้ามประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดกันมา และอาจทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ชาวพุทธได้
ทว่าในมุมของผู้ที่เห็นพ้องกับวิธีการเผยแผ่ธรรมะแบบวัดนาป่าพง มีความเห็นว่า หลักการสอนของวัด ช่วยให้ผู้คนกลับมาสนใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา และลดความงมงาย

5.วัดนาป่าพง และประเด็นร้อนทางศาสนา
แม้จะมีชื่อเสียง ถือได้ว่าเป็น “วัดดัง” ที่มีประชาชนให้ความเคารพศรัทธา ทว่าที่ผ่านมา วัดนาป่าพง ต้องผ่านกรณีการร้องเรียน ตลอดจนการฟ้องร้องอยู่หลายครั้งหลายครา
โดยในปี พ.ศ.2553 เคยมีเหตุร้องเรียน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสที่ประกาศว่า ในสิกขาบทพระปาติโมกข์มี 150 ข้อ ไม่ใช่ 227 ข้อ เป็นเหตุให้วัดนาป่าพง สวดพระปาติโมกข์เพียง 150 ข้อเท่านั้น กรณีดังกล่าวนี้ ส่งผลให้วัดถูกตัดออกจากการเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
กระทั่งปี พ.ศ.2557 มหาเถรสมาคมได้มีมติ กรณีวัดนาป่าพง ตัดศีลในพระปาติโมกข์เหลือ 150 ข้อ ว่าไม่มีความผิดแต่ประการใด แต่ยืนยันว่า พระสงฆ์ควรสวดศีลปาติโมกข์จำนวน 227 ข้อ
ล่วงเข้าสู่ปี พ.ศ.2560 เกิดดรามากับวัดนาป่าพงอีกหนึ่งกรณี โดยอดีตศิษย์วัด ได้ยื่นฟ้องต่อพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาส ร่วมกับพวกรวม 3 คน ในข้อหาฉ้อโกงเงินบริจาคค่าจัดพิมพ์หนังสือพุทธวจน และเงินบริจาคผ่อนซื้อที่ดินข้างวัดนาป่าพง รวมเงินกว่า 500 ล้านบาท ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ลูกศิษย์คนดังกล่าวได้ขอถอนฟ้องคดีความทั้งหมด
ล่าสุด ในปี พ.ศ.2568 วัดนาป่าพง ถูกร้องเรียนเรื่องปมเงินบริจาคของวัด รวมถึง พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาส ถูกกล่าวหาว่ามีเรื่องสีกาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ไม่ว่าผลการตรวจสอบจะออกมาเป็นเช่นไร หน้าที่ของ “วัด” ยังคงต้องเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่หลักคำสอนทางพุทธศาสนา ที่จำเป็นต้องมีความเหมาะสม และต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของตัวบทกฎหมายของสังคมเช่นเดียวกัน
อ้างอิง
- เว็บไซต์วัดนาป่าพง watnapp.com




















