Pneumothorax หรือภาวะลมในโพรงหุ้มปอด เป็นภาวะทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นเมื่อมีอากาศเล็ดลอดเข้าสู่ช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างระหว่างผนังทรวงอกกับปอดตามปกติ ช่องว่างนี้มีความดันเป็นลบเมื่อเทียบกับความดันบรรยากาศ ทำหน้าที่ช่วยให้ปอดขยายตัวตามแรงหายใจ หากมีลมรั่วเข้ามาสะสม ความดันภายในจะเปลี่ยนแปลงจนทำให้ปอดข้างนั้นไม่สามารถขยายตัวได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดภาวะปอดแฟบหรือ Atelectasis การแลกเปลี่ยนก๊าซในถุงลมปอด (Alveoli) ลดลง เกิดภาวะขาดออกซิเจน (Hypoxemia) และหากรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ที่มักได้รับการกล่าวถึงก่อนเป็นอันดับแรก ๆ คือภาวะลมในโพรงหุ้มปอดที่เกิดขึ้นเองแบบปฐมภูมิ หรือ Primary Spontaneous Pneumothorax (PSP) ซึ่งมักพบในคนหนุ่มสาวที่มีร่างสูงผอม ไม่มีโรคปอดหรือโรคทางเดินหายใจพื้นฐาน สาเหตุเกิดจากการแตกของถุงลมเล็ก ๆ หรือ Blebs ที่อยู่ใต้เยื่อหุ้มปอดบริเวณยอดปอด
ลักษณะเฉพาะที่พบได้คืออาการเจ็บหน้าอกแบบเฉียบพลันและหายใจสั้น เกิดขึ้นทันทีแม้ในขณะที่ผู้ป่วยกำลังพักผ่อนโดยไม่มีการกระตุ้นทางกายภาพใด ๆ อย่างไรก็ตาม PSP มักสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ ซึ่งเพิ่มโอกาสการเกิดขึ้นมากกว่าหลายเท่า อีกทั้งยังสามารถถูกกระตุ้นโดยการเปลี่ยนแปลงของความดันบรรยากาศอย่างฉับพลัน เช่น ขณะปีนเขาสูง ดำน้ำ หรือแม้กระทั่งการขึ้นเครื่องบิน
ในขณะที่ภาวะลมในโพรงหุ้มปอดที่เกิดขึ้นได้เองแบบทุติยภูมิ หรือ Secondary Spontaneous Pneumothorax (SSP) เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคปอดอยู่ก่อนแล้ว และถือว่าพบได้บ่อยกว่าชนิดปฐมภูมิ โรคปอดที่สัมพันธ์กับ SSP ได้แก่ โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease หรือ COPD) วัณโรคปอด (Pulmonary Tuberculosis) หรือแม้กระทั่งโรคปอดระยะท้ายของพังผืดในปอด (Pulmonary Fibrosis) ลักษณะอาการของ SSP มักรุนแรงกว่า PSP เนื่องจากปอดที่เหลือทำงานชดเชยได้น้อย ผู้ป่วยจึงอาจมีอาการหายใจลำบากรุนแรง ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ และมีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงขึ้น
นอกเหนือจากการเกิดขึ้นเอง ภาวะ Pneumothorax ยังสามารถเกิดจากอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บที่ทรวงอก ซึ่งเรียกว่า Traumatic Pneumothorax สาเหตุที่พบได้บ่อยคือการถูกแทง ถูกยิงจากกระสุนปืน หรือการบาดเจ็บจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ รวมถึงอาจเกิดขึ้นจากหัตถการทางการแพทย์ เช่น การใส่สายสวนหลอดเลือดดำใหญ่ การเจาะตรวจชิ้นเนื้อปอด หรือการใช้เครื่องช่วยหายใจที่ให้แรงดันสูงเกินไป ในบางกรณี Pneumothorax ยังสามารถเกิดขึ้นในทารกแรกเกิด เรียกว่า Neonatal Pneumothorax โดยเฉพาะทารกที่คลอดก่อนกำหนดหรือมีภาวะขาดออกซิเจนตั้งแต่แรกคลอด
ชนิดที่อันตรายที่สุดคือ Tension Pneumothorax ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อมีช่องทางให้อากาศเข้าสู่โพรงหุ้มปอดแบบลิ้นทางเดียว (One-way Valve) ทำให้อากาศไหลเข้าแต่ไม่สามารถไหลออกได้ ปริมาณอากาศจึงสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ความดันภายในโพรงหุ้มปอดสูงขึ้นจนเบียดปอดด้านตรงข้าม กดเบียดหัวใจและหลอดเลือดใหญ่ ทำให้เลือดกลับเข้าสู่หัวใจลดลง ผู้ป่วยจึงเข้าสู่ภาวะช็อกที่เรียกว่า Obstructive Shock อาการที่บ่งบอกว่าเป็น Tension Pneumothorax ได้แก่ หายใจลำบากรุนแรง ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง และอาจตรวจพบการเบี่ยงของหลอดลม (Tracheal Deviation) ไปด้านตรงข้าม ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาฉุกเฉินโดยการเจาะระบายลม (Needle Decompression) ผู้ป่วยสามารถเสียชีวิตภายในไม่กี่นาที
สำหรับการตรวจวินิจฉัย Pneumothorax แพทย์มักใช้การเอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-ray) เป็นหลัก ซึ่งจะพบว่าเงาปอดบางส่วนหายไป และเห็นเส้นเยื่อหุ้มปอดแยกออกจากผนังทรวงอก ในกรณีที่เล็กมากหรือไม่ชัดเจน อาจต้องใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เพื่อยืนยัน ปัจจุบัน การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Thoracic Ultrasound) ได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในห้องฉุกเฉินและในผู้ป่วยบาดเจ็บ เนื่องจากสามารถให้ผลที่รวดเร็วและแม่นยำ
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงและลักษณะของ Pneumothorax หากเป็นเพียงลมรั่วขนาดเล็กโดยไม่มีอาการรุนแรง อาจเลือกเฝ้าระวังร่วมกับการให้ออกซิเจนเพื่อเร่งการดูดซึมของลมที่ค้างอยู่ แต่หากผู้ป่วยมีอาการมากหรือมีลมรั่วปริมาณมาก จำเป็นต้องเจาะดูดลมออก (Needle Aspiration) หรือใส่ท่อระบายทรวงอก (Chest Tube Drainage) เพื่อลดแรงดันภายใน ในผู้ที่มีการเกิดซ้ำหลายครั้งหรือมีการรั่วของลมเรื้อรัง อาจพิจารณาการผ่าตัดผ่านกล้อง (Video-Assisted Thoracoscopic Surgery หรือ VATS) เพื่อตัดถุงลมโป่งพองและทำให้เยื่อหุ้มปอดติดกัน (Pleurodesis) เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำในอนาคต
แม้ Pneumothorax จะสามารถรักษาให้หายได้ แต่มีโอกาสเกิดซ้ำค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในผู้ที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่มีโรคปอดเรื้อรัง ดังนั้นการเลิกสูบบุหรี่จึงเป็นมาตรการสำคัญในการลดความเสี่ยง นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เพิ่งฟื้นตัวจากภาวะนี้ เช่น การหลีกเลี่ยงการขึ้นบินหรือดำน้ำลึกในช่วง 1–2 สัปดาห์หลังรักษาเสร็จสิ้น เพราะความดันบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงอาจกระตุ้นให้ลมรั่วเกิดขึ้นอีก
Pneumothorax จึงเป็นภาวะทางทรวงอกที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงและในผู้ที่มีโรคปอดเรื้อรัง แม้บางกรณีจะหายได้เอง แต่หลายกรณีกลับเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม การทำความเข้าใจกลไกการเกิดโรค สังเกตอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของภาวะนี้ได้
เรียบเรียงโดย
โชติทิวัตถ์ จิตต์ประสงค์
Prince of Wales Hospital
Department of Orthopaedics & Traumatology
Faculty of Medicine, The Chinese University of Hong Kong
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech