เนื่องในวาระ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคต เพื่อเป็นการน้อมสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ Thai PBS รวบรวมสถานที่สำคัญ ที่สะท้อนถึงพระราชปณิธานที่ทรงทำเพื่อพสกนิกรและผืนแผ่นดินไทย กระทั่งหลายต่อหลายแห่งในวันนี้ ได้รับการพัฒนากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปพักผ่อน ตลอดจนศึกษาหาความรู้ สถานที่แต่ละแห่งมีความสำคัญอย่างไร ลองไปติดตามกัน
พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
ตั้งอยู่ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในเขตพระราชฐานชั้นนอกริมกำแพงพระบรมมหาราชวังทางทิศเหนือระหว่างประตูวิเศษไชยศรีและประตูวิมานเทเวศร์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชดำริให้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับผ้าไทย และประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของคนไทย ต่อมา ใน พ.ศ. 2546 สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ใช้อาคารหอรัษฎากรพิพัฒน์เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 โดยมีวัตถุประสงค์ในการรวบรวมจัดเก็บรักษาผ้าไทย และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดแสดงงานหัตถศิลป์จากผ้าอันทรงคุณค่าของราชสำนัก และผ้าพื้นเมืองต่าง ๆ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานในการอนุรักษ์การทอผ้าของไทยให้คงอยู่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติสืบไป
สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โทร. 022-259-420 และ 022-259-430

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
“สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” หรือ Queen Sirikit Botanic Garden (QSBG) คือสวนพฤกษศาสตร์สากลแห่งแรกของประเทศไทย ถือเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย และเป็นมรดกทางธรรมชาติอันล้ำค่าที่เกิดขึ้นภายใต้พระบารมีแห่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ สวนพฤษศาสตร์แห่งนี้ถือเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะพืชประจำถิ่นและพืชที่ถูกทำลายจากระบบนิเวศจนใกล้สูญพันธุ์ โดยมีการนำมาเพาะเลี้ยงดูแลเพื่อเป็นฐานทรัพยากรในการอนุรักษ์ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีการนำพืชพันธุ์ต่าง ๆ มาศึกษาวิจัยต่อยอดภายในสวนจะมีการจัดแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนป่าธรรมชาติ และโซนจัดแสดง มีการรวบรวมพืชพันธุ์หายากไว้มากมายจากทั่วโลก แบ่งโซนเรือนกระจกต่าง ๆ ถึง 12 หลัง ตัวอย่างเช่น เรือนป่าดิบชื้นจากทางภาคใต้ เรือนกระบองเพชรหรือเรือนพืชทนแล้ง เรือนไม้น้ำที่มีพันธ์บัวของไทย และไม้ชุ่มน้ำจากนานาชาติ ยังมีส่วนของเรือนพฤกษศาสตร์พื้นบ้าน ที่รวมสมุนไพรพื้นบ้านจากกลุ่มชาติพันทางภาคเหนือ
สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ โทร. 0 5384 1000 หรือ www.qsbg.org

สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ถือเป็นป่าใจกลางเมืองแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ครบ 5 รอบ ในวันที่ 12 สิงหาคม 2535 เปิดในบริการอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2539 ถือเป็นป่าใจกลางกรุงที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีการรวบรวมอนุรักษ์พันธุ์ไม้ต่าง ๆ ไว้มากมาย ถือเป็นมรกดสีเขียวใจกลางกรุงเทพฯ ที่สะท้อนพระราชปณิธานด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สวนแห่งนี้ได้รับการต่อยอดพัฒนาจนในปี 2567 ก็ได้รับการรับรองการเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สมบูรณ์ตามข้อกำหนดมาตรฐานขององค์การสวนพฤกษศาสตร์สากล หรือ BGCI (Botanic Gardens Conservation International) นับเป็นสวนพฤกษศาสตร์มาตรฐานสากลแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร และเป็นแห่งที่ 3 ของประเทศไทย
สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถือเป็นสวนสาธารณะสุดโด่งดังในกลุ่มนักวิ่ง ทั้งความเป็นป่าใจกลางกรุงฯ ที่ทำให้เดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจได้สะดวก และความร่มรื่นของบรรยากาศโดยรอบ
นอกจากนั้นแล้วสวนแห่งนี้ยังมีพื้นที่สำหรับฝึกอบรมเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับการปลูกป่า และเป็นสถานที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจน เป็นพื้นที่เรียนรู้เส้นทางศึกษาพรรณไม้ทรงปลูก พื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าเศรษฐกิจ เนินทุ่งดอกหญ้า บ่อเป็ด ชลประทานจำลอง พื้นที่ลุยน้ำ หอชมวิว ศาลาริมน้ำ สะพานชมวิว ป่าทึบ ลานบัว สวนกล้วยเดิม อัฒจันทร์หญ้า อัฒจันทร์ริมน้ำ อาคารฝึกอบรม และอาคารอเนกประสงค์
สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรุงเทพฯ เวลาเปิด-ปิด : 05.00-20.00 น.

หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ The Queen's Gallery
หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เปิดดำเนินการครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2546 ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการของศิลปินไทย โดยเฉพาะศิลปินรุ่นใหม่ที่มีผลงานดีเด่น แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย ตลอดจนศิลปินอาวุโสที่ได้รับการยกย่อง
โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาทูลเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัล "จิตรกรรมบัวหลวงต้นแบบภาพปัก เพื่อมูลนิธิศิลปาชีพ" ที่ธนาคารกรุงเทพเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2544 โดยใช้ที่ทำการของธนาคารกรุงเทพ สาขาสะพานผ่านฟ้า และศูนย์สังคีตศิลป์เดิม ปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นหอศิลป์ที่ทันสมัย
ภายในพื้นที่จัดแสดง ประกอบด้วยนิทรรศการศิลปกรรมมีตั้งแต่ชั้นที่ 1-4 เป็นนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปี และชั้นที่ 5 สามารถใช้จัดงานกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจและเผยแพร่งานศิลปะ สู่สังคมในวงกว้าง
สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ The Queen's Gallery โทร. 0 2281 5360-1 Facebook fanpage : queengallerybkk

พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด สถาบันสิริกิติ์
ถือเป็นอีกพิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะที่มีความน่าสนใจเฉพาะตัว ด้วยเพราะพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน (Art of the Kingdom) มีต้นกำเนิดมาจากสถาบันสิริกิติ์ หรือชื่อเดิมคือโรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา โรงฝึกศิลปาชีพภายในสวนจิตรลดา เริ่มจากเต็นท์เล็ก ๆ ข้างกองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อใช้เป็นที่ฝึกหัดงานหัตถศิลป์แขนงต่าง ๆ ที่นับวันจะสูญหาย โดยเฉพาะงานที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติ
ทรงคัดเลือกบุตรหลานชาวนาชาวไร่ที่ยากจน ไม่มีที่ดินทำกิน ด้วยพระองค์เอง และพระราชทานโอกาสให้เข้ามาฝึกอบรมงานหัตถกรรมเพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้และสืบสานงานศิลปะชั้นสูงของไทย เมื่อนักเรียนเพิ่มจำนวนมากขึ้นจึงได้ขยายเป็นโรงฝึก เปิดสอน 23 แผนก เช่น แผนกเครื่องเงิน – เครื่องทอง แผนกถมทอง แผนกคร่ำ แผนกลงยาสี แผนกแกะสลักไม้ แผนกตกแต่งปีกแมลงทับ เป็นต้น
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระราชกระแสรับสั่งว่าผลงานของสถาบันสิริกิติ์ให้ทำเข้าพิพิธภัณฑ์เป็นสมบัติของแผ่นดิน นอกจากจะมีผลงานอันทรงคุณค่าที่รักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์แล้ว งานช่างต่าง ๆ ที่เกือบจะสูญหายก็กลับมามีผู้สืบทอด ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมของชาติไทย เรียนรู้และรับรู้ทั่วกันว่าคนไทยมีศิลปะ มีจิตใจที่อ่อนโยน
สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. 022 – 839 - 557, 035 – 352 – 995

เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
เขื่อนสิริกิติ์ เป็นเขื่อนดินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ก่อสร้างขึ้นตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำน่าน เดิมมีชื่อ “เขื่อนผาซ่อม” ต่อมาได้รับพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงได้ใช้ชื่อว่า “เขื่อนสิริกิติ์” สถานที่ท่องเที่ยวภายในเขื่อนสิริกิติ์ยังมีจุดท่องเที่ยวที่มีเรื่องราวน่าสนใจอีกหลายแห่ง ดังนี้
สวนสุมาลัย กฟผ. สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535 และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่วไป ภายในสวนประกอบด้วยพันธุ์ไม้หลายชนิด สระบัว สวนสมุนไพร ลานอเนกประสงค์ ลานสุขภาพ และ “ประติมากรรมสู่แสงสว่าง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสุมาลัย อันสื่อความหมายถึง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงเป็นองค์ผู้นำงานศิลปาชีพของไทยสู่สายตาอารยประเทศ
สะพานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2547 โดยทรงพระราชทานนามว่า “สะพานเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ” และโปรดฯ ให้อัญเชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 12 สิงหาคม 2547 มาประดิษฐานบนแผ่นป้ายพระราชดำรัสแทนอักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ก.
บริเวณสันเขื่อน บริเวณเหนือเขื่อนสิริกิติ์เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพระอาทิตย์ตก สัมผัสวิถีชีวิตของชาวประมง ที่พักอาศัยอยู่บนแพในอ่างเก็บน้ำ นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารมากมายไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย
สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โทร. 0 5546 1136, 0 5546 1140-3 ต่อ 3030-1

อ้างอิง
พระบรมมหาราชวัง
สถาบันพิพิธภัณฑ์ การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.)



















