Carruthers Geocorona นับว่าเป็นหนึ่งในภารกิจที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่จะมีการสังเกตการณ์ฮาโล (Halo) หรือชั้นบรรยากาศนอกสุดของโลกที่เป็นส่วนแรกที่สัมผัสกับลมสุริยะและพายุสุริยะจากห้วงอวกาศ ซึ่งไม่เคยมีการสำรวจบริเวณที่เรียกว่า Geocorona อย่างต่อเนื่องมาก่อน

ฮาโลของโลก หรือ Geocorona คือบรรยากาศชั้นนอกสุดที่เรียกว่าเอ็กโซสเฟียร์ (Exosphere) เต็มไปด้วยอะตอมของไฮโดรเจนที่ส่องสว่างเป็นแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เราทราบมาตั้งแต่ในยุคสงครามเย็นแล้วว่าชั้นบรรยากาศนี้กว้างใหญ่ไพศาลเป็นอย่างมาก และมันทำหน้าที่เป็นกันชนระหว่างลมสุริยะกับโลกของเรามาโดยตลอด
รูปร่างของฮาโลที่แผ่ปกคลุมโลกของเรานั้นจะป้านออกในด้านหน้าและเรียวแหลมยืดยาวออกไปด้านหลัง คล้ายกับหยดน้ำ ซึ่งเอาเข้าจริงเราเชื่อว่าระบบสุริยะของเราก็มีฮาโลลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกันกับที่ดวงอาทิตย์สร้างออกมาเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มระบบสุริยะของเราไว้อีกชั้นหนึ่งระบบดาวเคราะห์อื่นก็มีหลักฐานการค้นพบฮาโลของดาวฤกษ์ที่สร้างออกมาเหมือนกัน

กลับมาที่ฮาโลของโลกเรา การที่ฮาโลเป็นกันชนระหว่างชั้นบรรยากาศของโลกกับลมสุริยะและพายุสุริยะนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าส่วนของฮาโลทำให้โลกของเรายังสามารถกักเก็บน้ำรูปแบบของของเหลวในชั้นบรรยากาศของเราได้ ซึ่งหากไม่มีฮาโล โลกของเราคงสูญเสียน้ำในชั้นบรรยากาศไปจนหมดเหมือนกับดาวอังคารไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการศึกษาฮาโลนอกเสียจากจะเป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงและตอบสนองของชั้นบรรยากาศโลกต่อสภาพอวกาศแล้วมันยังเป็นอีกหนึ่งกุญแจที่นักวิทยาศาสตร์จะสามารถนำมาใช้ในการหาดาวเคราะห์ที่มีสภาพเอื้อต่อชีวิตคล้ายกับโลกอีกด้วย

ภารกิจ Carruthers Geocorona เป็นภารกิจแรกของ NASA ที่มีเป้าหมายในการสังเกตการณ์ฮาโลของโลกอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง ซึ่งก่อนนี้มีการสนใจที่จะถ่ายภาพฮาโลของโลกกลับมาผ่านภารกิจอะพอลโล 16 ด้วยการตั้งกล้อง UV ถ่ายภาพโลกบนดวงจันทร์และส่งภาพกลับมา แต่ภาพถ่ายเหล่านั้นมีเพียงไม่กี่ภาพและไม่ได้ต่อเนื่องจนทำให้เราเข้าใจสภาพของฮาโลโลกได้อย่างถ่องแท้ จึงสามารถพูดได้ว่า Carruthers Geocorona เป็นภารกิจแรกที่สนใจฮาโลของโลกด้วยการจับตามองตลอด 24 ชั่วโมง

Carruthers Geocorona จะไปโคจรอยู่ในตำแหน่ง L1 และถ่ายภาพโลกกลับมา ซึ่งจะเป็นภาพถ่ายที่มองเห็นโลกและชั้นบรรยากาศทั้งหมดในเฟรมเดียว ยานอวกาศลำนี้สู่อวกาศไปตั้งแต่เมื่อ 24 กันยายน 2025 ด้วยจรวด Falcon 9 และถ่ายภาพแรกกลับมาได้เมื่อ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และจะเริ่มปฏิบัติงานทางวิทยาศาสตร์ได้ในช่วงมีนาคมปี 2026
ภารกิจนี้จะเข้ามาเติมเต็มความเข้าใจเกี่ยวกับฮาโลของโลกและพฤติกรรมของสภาพอวกาศที่ส่งผลต่อโลก ซึ่งจะช่วยทำให้เราเข้าใจผลกระทบของสภาพอวกาศต่อชั้นบรรยากาศของโลก ยานอวกาศ สิ่งแวดล้อมในโลกที่จะได้รับผลกระทบต่อสภาพอวกาศ และสามารถค้นหาดาวเคราะห์ที่อาจจะเอื้อต่อชีวิตได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เรียบเรียงโดย จิรสิน อัศวกุล
พิสูจน์อักษร ศุภกิจ พัฒนพิฑูรย์
อัปเดตข้อมูลแวดวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ทันโลกไอที และโซเชียลฯ ในรูปแบบ Audio จาก AI เสียงผู้ประกาศของไทยพีบีเอส ได้ที่ Thai PBS
ที่มาข้อมูล : NASA
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech




















