ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

อาหารไม่เหลือทิ้ง

ออกอากาศ19 ก.ค. 68

การใช้ทุกส่วนของอาหารแบบฉลาด

ภูมิปัญญาไทยในการทำอาหารมีแนวคิดที่น่าสนใจคือ "การกินแบบไม่เหลือทิ้ง" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรอบคอบและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างเต็มที่ การปรุงอาหารไทยโบราณไม่เพียงแต่คำนึงถึงรสชาติเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าที่สุด

แกงโฮะ: ตัวอย่างของการนำอาหารเหลือมาใช้ใหม่

แกงโฮะเป็นอาหารเหนือที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาในการใช้อาหารเหลือจากการถวายพระ คำว่า "โฮะ" ในภาษาเหนือหมายถึงการนำทุกอย่างมารวมกัน ซึ่งสะท้อนแนวคิดการไม่ทิ้งอาหารของคนไทยโบราณ

การทำแกงโฮะจึงเป็นการผสมผสานแกงต่าง ๆ ที่เหลือจากการถวายพระ เช่น แกงเขียวหวาน แกงฮังเล ห่อนึ่ง และอาหารอื่น ๆ มารวมกันเป็นอาหารจานใหม่ที่มีรสชาติหลากหลายและอร่อย

การใช้เครื่องในไก่อย่างครบถ้วน

แนวคิดการกินไม่เหลือทิ้งยังปรากฏในการใช้เครื่องในไก่ในการทำแกง ซึ่งการกินเครื่องในไก่ถือเป็นการกินแบบ Nose to Tail หรือการกินทั้งตัว เพราะไก่ "อุตส่าห์โตมา" เราจึงควรใช้ประโยชน์จากมันให้ครบทุกส่วน รวมถึงการใช้กระดูกไก่ที่มีไขกระดูกเพื่อเพิ่มความหวานธรรมชาติให้กับแกง

ข้าวตู: การใช้ข้าวเหลือให้เกิดประโยชน์

ข้าวตูเป็นขนมไทยที่เกิดจากการนำข้าวที่กินไม่หมดมาตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำมาคั่วให้หอม ป่นให้ละเอียด แล้วผสมกับมะพร้าวและน้ำตาลมะพร้าว สุดท้ายปั้นใส่พิมพ์และอบด้วยควันเทียนให้หอม

กระบวนการทำข้าวตูนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในการแปรรูปข้าวเหลือให้กลายเป็นขนมที่มีคุณค่าและรสชาติดี

สถานการณ์ขยะอาหารในปัจจุบัน

คนไทยหนึ่งคนผลิตขยะจากอาหารประมาณ 86 - 87 กิโลกรัมต่อปี เมื่อคูณด้วยประชากร 65 ล้านคน ประเทศไทยจึงมีขยะจากอาหารเป็นจำนวนมหาศาล สถิติน่าตกใจนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราได้ละทิ้งภูมิปัญญาดั้งเดิมในการใช้อาหารอย่างประหยัดและคุ้มค่า

แนวทางการลดขยะอาหาร

จากภูมิปัญญาไทยที่กล่าวมา เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดังนี้:

1. การวางแผนการทำอาหาร

ควรทำอาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนคนที่จะรับประทาน หลีกเลี่ยงการทำมากเกินไป

2. การใช้วัตถุดิบอย่างครบถ้วน

เรียนรู้การใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบ เช่น การใช้เปลือกผักผลไม้ทำปุ๋ย หรือการใช้เครื่องในสัตว์ปีกให้เกิดประโยชน์

3. การแปรรูปอาหารเหลือ

นำแนวคิดแกงโฮะมาประยุกต์โดยการนำอาหารที่เหลือจากมื้อก่อนมาปรุงใหม่ให้กลายเป็นอาหารจานใหม่

4. การเก็บรักษาอาหารอย่างถูกวิธี

เรียนรู้วิธีการเก็บรักษาอาหารให้คงความสดใหม่นานขึ้น เพื่อลดการเสียเปล่า

บทสรุป

การกินแบบไม่เหลือทิ้งเป็นภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าและควรได้รับการสืบทอด ไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาขยะอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อทรัพยากรธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน

การนำแนวคิดนี้มาใช้ในยุคปัจจุบันจะช่วยให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนต่อไป เพราะ "เลือกกินของไทยให้หลากหลายเพื่ออาหารไทยได้มั่นคง" เป็นหน้าที่ของเราทุกคน

ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live

การใช้ทุกส่วนของอาหารแบบฉลาด

ภูมิปัญญาไทยในการทำอาหารมีแนวคิดที่น่าสนใจคือ "การกินแบบไม่เหลือทิ้ง" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรอบคอบและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างเต็มที่ การปรุงอาหารไทยโบราณไม่เพียงแต่คำนึงถึงรสชาติเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าที่สุด

แกงโฮะ: ตัวอย่างของการนำอาหารเหลือมาใช้ใหม่

แกงโฮะเป็นอาหารเหนือที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาในการใช้อาหารเหลือจากการถวายพระ คำว่า "โฮะ" ในภาษาเหนือหมายถึงการนำทุกอย่างมารวมกัน ซึ่งสะท้อนแนวคิดการไม่ทิ้งอาหารของคนไทยโบราณ

การทำแกงโฮะจึงเป็นการผสมผสานแกงต่าง ๆ ที่เหลือจากการถวายพระ เช่น แกงเขียวหวาน แกงฮังเล ห่อนึ่ง และอาหารอื่น ๆ มารวมกันเป็นอาหารจานใหม่ที่มีรสชาติหลากหลายและอร่อย

การใช้เครื่องในไก่อย่างครบถ้วน

แนวคิดการกินไม่เหลือทิ้งยังปรากฏในการใช้เครื่องในไก่ในการทำแกง ซึ่งการกินเครื่องในไก่ถือเป็นการกินแบบ Nose to Tail หรือการกินทั้งตัว เพราะไก่ "อุตส่าห์โตมา" เราจึงควรใช้ประโยชน์จากมันให้ครบทุกส่วน รวมถึงการใช้กระดูกไก่ที่มีไขกระดูกเพื่อเพิ่มความหวานธรรมชาติให้กับแกง

ข้าวตู: การใช้ข้าวเหลือให้เกิดประโยชน์

ข้าวตูเป็นขนมไทยที่เกิดจากการนำข้าวที่กินไม่หมดมาตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำมาคั่วให้หอม ป่นให้ละเอียด แล้วผสมกับมะพร้าวและน้ำตาลมะพร้าว สุดท้ายปั้นใส่พิมพ์และอบด้วยควันเทียนให้หอม

กระบวนการทำข้าวตูนี้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในการแปรรูปข้าวเหลือให้กลายเป็นขนมที่มีคุณค่าและรสชาติดี

สถานการณ์ขยะอาหารในปัจจุบัน

คนไทยหนึ่งคนผลิตขยะจากอาหารประมาณ 86 - 87 กิโลกรัมต่อปี เมื่อคูณด้วยประชากร 65 ล้านคน ประเทศไทยจึงมีขยะจากอาหารเป็นจำนวนมหาศาล สถิติน่าตกใจนี้สะท้อนให้เห็นว่าเราได้ละทิ้งภูมิปัญญาดั้งเดิมในการใช้อาหารอย่างประหยัดและคุ้มค่า

แนวทางการลดขยะอาหาร

จากภูมิปัญญาไทยที่กล่าวมา เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดังนี้:

1. การวางแผนการทำอาหาร

ควรทำอาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนคนที่จะรับประทาน หลีกเลี่ยงการทำมากเกินไป

2. การใช้วัตถุดิบอย่างครบถ้วน

เรียนรู้การใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบ เช่น การใช้เปลือกผักผลไม้ทำปุ๋ย หรือการใช้เครื่องในสัตว์ปีกให้เกิดประโยชน์

3. การแปรรูปอาหารเหลือ

นำแนวคิดแกงโฮะมาประยุกต์โดยการนำอาหารที่เหลือจากมื้อก่อนมาปรุงใหม่ให้กลายเป็นอาหารจานใหม่

4. การเก็บรักษาอาหารอย่างถูกวิธี

เรียนรู้วิธีการเก็บรักษาอาหารให้คงความสดใหม่นานขึ้น เพื่อลดการเสียเปล่า

บทสรุป

การกินแบบไม่เหลือทิ้งเป็นภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าและควรได้รับการสืบทอด ไม่เพียงแต่จะช่วยลดปัญหาขยะอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อทรัพยากรธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน

การนำแนวคิดนี้มาใช้ในยุคปัจจุบันจะช่วยให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนต่อไป เพราะ "เลือกกินของไทยให้หลากหลายเพื่ออาหารไทยได้มั่นคง" เป็นหน้าที่ของเราทุกคน

ติดตามได้ในรายการกินอยู่คือ วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม 2568 เวลา 16.30 - 17.00 น. ทางไทยพีบีเอส หรือรับชมทีวีออนไลน์ทาง www.thaipbs.or.th/Live

ละครดี ซีรีส์เด่น

ดูทั้งหมด

♫ ♫ Songs Popular ♫ ♫

ดูทั้งหมด

คลิปมาใหม่

คนดูเยอะ 👀

ดูทั้งหมด

เสน่ห์ประเทศไทย