ครั้งแรกในรอบ 40 ปี ของการปลดล็อกผู้ลี้ภัยจากเมียนมาที่อาศัยอยู่ในค่ายพักพิงชั่วคราวตามแนวชายแดนไทยทั้ง 9 แห่ง ใน 4 จังหวัด คือแม่ฮ่องสอน, ตาก, กาญจนบุรี และราชบุรี ให้ออกมาทำงานนอกพื้นที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลังประเทศไทยเจอวิกฤตขาดแคลนแรงงาน จากกรณีแรงงานกัมพูชาอพยพกลับประเทศ
พร้อม ๆ กับที่สหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศตัดงบประมาณช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในโครงการต่าง ๆ ทำให้ค่ายผู้ลี้ภัยได้รับผลกระทบ ทั้งด้านอาหาร สาธารณสุข และการศึกษา
นโยบายปลดล็อกผู้ลี้ภัยเพื่อทดแทนแรงงานข้ามชาติ จึงมาถูกที่ ถูกเวลา เป็นความหวังของภาคเกษตรกรรมที่ต้องการกำลังแรงงานเร่งด่วน และยังช่วยบรรเทาปัญหาในค่ายผู้ลี้ภัยในเวลาเดียวกัน
พื้นที่แรกที่ตื่นตัวในการจ้างผู้ลี้ภัยคือ ไร่อ้อย จ.สระแก้ว หลังจากรัฐดีเดย์ให้เริ่มทำงานได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา หน่วยงานภาครัฐ สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการ และคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้พาตัวแทนผู้ลี้ภัยจาก 9 ค่าย ลงพื้นที่ไปศึกษาดูงาน ทั้งโรงงานทอผ้า สวนลำไย อุตสาหกรรมน้ำตาล และไร่อ้อย ที่ จ.สระแก้ว เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ลี้ภัยได้เห็นบรรยากาศของสถานที่ทำงานและที่พักจริง ก่อนจะเริ่มงานเข้าสู่การทำงานจริงในเดือนธันวาคมนี้
นี่ถือเป็นก้าวแรกของความพยายามแก้ไขปัญหา แต่จะทำอย่างไร ให้สิทธิการทำงานของผู้ลี้ภัยไม่เป็นเพียงแค่เครื่องมือแก้ปัญหาชั่วคราว แต่เป็นการรับรองสิทธิมนุษยชนในระยะยาว คุยเรื่องนี้กับคุณโดม ศิววงศ์ สุขทวี ที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปการโยกย้ายถิ่นฐาน
ติดตามชมได้ในรายการเสียงเปลี่ยนเมือง ออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 16.30 - 16.45 น. ทางไทยพีบีเอส ดูย้อนหลังรายการเสียงเปลี่ยนเมือง ได้ที่ www.thaipbs.or.th/LocalVoices
แท็กที่เกี่ยวข้อง: