ทุกวันนี้มีบ้านไหนเปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงากันบ้าง และถ้าหากคุณชอบเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา พร้อมกับกำลังเลี้ยงเด็กเล็กอยู่ด้วย อยากให้อ่านบทความนี้จนจบ เพราะการเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ในบ้าน โดยที่ไม่มีใครดู หรือที่เรียกว่า Background Media อาจเป็นภัยเงียบที่ทำร้ายพัฒนาการเด็กได้ในหลาย ๆ ด้าน
เปิดบ้านไทยพีบีเอสจะพาไปไขความลับเรื่องนี้กับ รศ. นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาศักยภาพเด็กไทย และสาขาวิชาพัฒนาการและการเจริญเติบโต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ทำการศึกษาวิจัยผลของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอต่อเด็กและวัยรุ่น จะเป็นอย่างไร ลองมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
Q : ก่อนอื่นเลย อยากให้อธิบายให้ฟังหน่อยค่ะ ว่า Background Media คืออะไร?
A : Background Media คือการเปิดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอทิ้งไว้โดยไม่มีใครดู อาจจะอยู่ในรูปแบบของโทรทัศน์ วิดีโอ ดีวีดี คอมพิวเตอร์ แท็บแล็ต หรือสมาร์ตโฟน ซึ่งเนื้อหาสื่อที่เปิดไว้ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่ผลิตขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ได้มีความเหมาะสมกับเด็ก
Q : แล้วทำไมสื่อประเภท Background Media ถึงขัดขวางพัฒนาการเด็กได้คะ?
A : เนื่องจากเวลาที่มีการเปิดสื่อทิ้งไว้ เด็กอาจจะกำลังเล่นอะไรบางอย่างอยู่ แล้วขณะนั้นในโทรทัศน์บังเอิญมีโฆษณาบางตัวมาดึงดูดความสนใจของเด็ก ทำให้เด็กอาจจะหันไปสนใจสิ่งนั้นแทน ก็เลยทำให้เซลล์ประสาทที่ควรจะเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายถูกรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งในสมองของคนเราประกอบไปด้วยเซลล์สมองกว่า 1 แสนล้านเซลล์ ถูกพัฒนามาตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ในครรภ์ และสามารถพัฒนาได้ดีมากที่สุดในช่วงแรกเกิด จนถึงอายุ 3 ปี โดยเซลล์สมองเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว รวมไปถึงการเล่นของเล่น เล่นตุ๊กตา คืบคลาน หรือการกระโดด โดยเซลล์ประสาทเหล่านี้จะเชื่อมต่อกันเป็นร่างแห หากพ้นจากช่วงอายุดังกล่าวไปแล้วจะไม่มีเซลล์สมองเพิ่มขึ้นอีก แต่จะเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายเส้นใยประสาทไปเรื่อย ๆ จนเมื่อเข้าสู่อายุ 10 ปี ทุกอย่างจะเริ่มถดถอยลงอย่างช้า ๆ
ดังนั้นในช่วงแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ถ้าคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกอยู่กับสื่อประเภท Background Media ไปนาน ๆ อาจส่งผลกระทบต่อสติปัญญาและพัฒนาการของเด็ก เนื่องจากภาพและเสียงจากสื่อประเภทดังกล่าว จะเข้าไปกระทบต่อการพัฒนาโครงข่ายของจุดประสานประสาท และการสร้างไมอีลินในสมองซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพของเด็ก
รวมไปถึงยังเป็นตัวการที่ทำให้พัฒนาการทางด้าน Executive Functions (EF) หรือระบบการทำหน้าที่บริหารสมองระดับสูง ที่คอยยับยั้งความคิด อารมณ์ พฤติกรรม และทักษะสำคัญด้านความจำในการทำงาน การควบคุมยับยั้งตนเอง และการมีความคิดยืดหยุ่นลดลง เนื่องจากการที่ปล่อยให้ลูกใช้เวลาอยู่กับจอมากเกินไปโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ดูไปพร้อมกับลูกด้วย ส่งผลให้เด็กขาดปฏิสัมพันธ์และไม่ได้ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านนี้เลย
นอกจากนี้จากการศึกษาของคุณหมอวีระศักดิ์ ชลไชยะยังพบว่า บ้านที่เปิดสื่อทิ้งไว้นาน ๆ ส่งผลทำให้เด็กนอนหลับได้ยากขึ้น นอนไม่พอ จนอาจเกิดอาการหงุดหงิด มีพฤติกรรมซน สมาธิสั้น หรือก้าวร้าวเพิ่มขึ้นได้
ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ที่มาปรึกษาส่วนใหญ่ให้คะแนนว่าลูกมีพฤติกรรมดื้อต่อต้านมากยิ่งขึ้นและมีพฤติกรรมไปทางเด็กออทิสติก(Autistic Disorder) หรือ ออทิสซึม (Autism) คือ มีพฤติกรรมการแยกตัว หรือสื่อสารน้อยลง และชอบอยู่คนเดียว
Q : เราจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรได้บ้างคะ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการขัดขวางพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก
A : สำหรับบ้านไหนที่อยากจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการและสติปัญญาที่ดีขึ้น ไม่ก้าวร้าว ไม่หงุดหงิด พักผ่อนได้อย่างเพียงพอ และเจริญเติบโตตามวัย ลองทำตามคำแนะนำง่าย ๆ 4 ข้อ ดังต่อไปนี้ครับ
ชมรายการเปิดบ้านไทยพีบีเอสย้อนหลัง ตอน ผลเสียจากการเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้
แหล่งข้อมูล
หนังสือ ผลของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอต่อเด็กและวัยรุ่น Effects of Electronic Screen Media on Children and Adolescents ของ รศ.นพ. วีระศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาศักยภาพเด็กไทย และสาขาวิชาพัฒนาการและการเจริญเติบโต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทุกวันนี้มีบ้านไหนเปิดโทรทัศน์ไว้เป็นเพื่อนคลายเหงากันบ้าง และถ้าหากคุณชอบเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เพื่อเป็นเพื่อนคลายเหงา พร้อมกับกำลังเลี้ยงเด็กเล็กอยู่ด้วย อยากให้อ่านบทความนี้จนจบ เพราะการเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ในบ้าน โดยที่ไม่มีใครดู หรือที่เรียกว่า Background Media อาจเป็นภัยเงียบที่ทำร้ายพัฒนาการเด็กได้ในหลาย ๆ ด้าน
เปิดบ้านไทยพีบีเอสจะพาไปไขความลับเรื่องนี้กับ รศ. นพ.วีระศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาศักยภาพเด็กไทย และสาขาวิชาพัฒนาการและการเจริญเติบโต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ทำการศึกษาวิจัยผลของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอต่อเด็กและวัยรุ่น จะเป็นอย่างไร ลองมาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
Q : ก่อนอื่นเลย อยากให้อธิบายให้ฟังหน่อยค่ะ ว่า Background Media คืออะไร?
A : Background Media คือการเปิดสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอทิ้งไว้โดยไม่มีใครดู อาจจะอยู่ในรูปแบบของโทรทัศน์ วิดีโอ ดีวีดี คอมพิวเตอร์ แท็บแล็ต หรือสมาร์ตโฟน ซึ่งเนื้อหาสื่อที่เปิดไว้ส่วนใหญ่เป็นเนื้อหาที่ผลิตขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ได้มีความเหมาะสมกับเด็ก
Q : แล้วทำไมสื่อประเภท Background Media ถึงขัดขวางพัฒนาการเด็กได้คะ?
A : เนื่องจากเวลาที่มีการเปิดสื่อทิ้งไว้ เด็กอาจจะกำลังเล่นอะไรบางอย่างอยู่ แล้วขณะนั้นในโทรทัศน์บังเอิญมีโฆษณาบางตัวมาดึงดูดความสนใจของเด็ก ทำให้เด็กอาจจะหันไปสนใจสิ่งนั้นแทน ก็เลยทำให้เซลล์ประสาทที่ควรจะเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายถูกรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งในสมองของคนเราประกอบไปด้วยเซลล์สมองกว่า 1 แสนล้านเซลล์ ถูกพัฒนามาตั้งแต่ตอนที่เราอยู่ในครรภ์ และสามารถพัฒนาได้ดีมากที่สุดในช่วงแรกเกิด จนถึงอายุ 3 ปี โดยเซลล์สมองเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว รวมไปถึงการเล่นของเล่น เล่นตุ๊กตา คืบคลาน หรือการกระโดด โดยเซลล์ประสาทเหล่านี้จะเชื่อมต่อกันเป็นร่างแห หากพ้นจากช่วงอายุดังกล่าวไปแล้วจะไม่มีเซลล์สมองเพิ่มขึ้นอีก แต่จะเชื่อมต่อเป็นโครงข่ายเส้นใยประสาทไปเรื่อย ๆ จนเมื่อเข้าสู่อายุ 10 ปี ทุกอย่างจะเริ่มถดถอยลงอย่างช้า ๆ
ดังนั้นในช่วงแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปี ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ถ้าคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกอยู่กับสื่อประเภท Background Media ไปนาน ๆ อาจส่งผลกระทบต่อสติปัญญาและพัฒนาการของเด็ก เนื่องจากภาพและเสียงจากสื่อประเภทดังกล่าว จะเข้าไปกระทบต่อการพัฒนาโครงข่ายของจุดประสานประสาท และการสร้างไมอีลินในสมองซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพของเด็ก
รวมไปถึงยังเป็นตัวการที่ทำให้พัฒนาการทางด้าน Executive Functions (EF) หรือระบบการทำหน้าที่บริหารสมองระดับสูง ที่คอยยับยั้งความคิด อารมณ์ พฤติกรรม และทักษะสำคัญด้านความจำในการทำงาน การควบคุมยับยั้งตนเอง และการมีความคิดยืดหยุ่นลดลง เนื่องจากการที่ปล่อยให้ลูกใช้เวลาอยู่กับจอมากเกินไปโดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ดูไปพร้อมกับลูกด้วย ส่งผลให้เด็กขาดปฏิสัมพันธ์และไม่ได้ทำกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านนี้เลย
นอกจากนี้จากการศึกษาของคุณหมอวีระศักดิ์ ชลไชยะยังพบว่า บ้านที่เปิดสื่อทิ้งไว้นาน ๆ ส่งผลทำให้เด็กนอนหลับได้ยากขึ้น นอนไม่พอ จนอาจเกิดอาการหงุดหงิด มีพฤติกรรมซน สมาธิสั้น หรือก้าวร้าวเพิ่มขึ้นได้
ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ที่มาปรึกษาส่วนใหญ่ให้คะแนนว่าลูกมีพฤติกรรมดื้อต่อต้านมากยิ่งขึ้นและมีพฤติกรรมไปทางเด็กออทิสติก(Autistic Disorder) หรือ ออทิสซึม (Autism) คือ มีพฤติกรรมการแยกตัว หรือสื่อสารน้อยลง และชอบอยู่คนเดียว
Q : เราจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรได้บ้างคะ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดการขัดขวางพัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก
A : สำหรับบ้านไหนที่อยากจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ภายในบ้าน เพื่อให้ลูกน้อยมีพัฒนาการและสติปัญญาที่ดีขึ้น ไม่ก้าวร้าว ไม่หงุดหงิด พักผ่อนได้อย่างเพียงพอ และเจริญเติบโตตามวัย ลองทำตามคำแนะนำง่าย ๆ 4 ข้อ ดังต่อไปนี้ครับ
ชมรายการเปิดบ้านไทยพีบีเอสย้อนหลัง ตอน ผลเสียจากการเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้
แหล่งข้อมูล
หนังสือ ผลของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านจอต่อเด็กและวัยรุ่น Effects of Electronic Screen Media on Children and Adolescents ของ รศ.นพ. วีระศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยพัฒนาศักยภาพเด็กไทย และสาขาวิชาพัฒนาการและการเจริญเติบโต คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย