หนึ่งในกรณีที่กำลังเป็นประเด็นในขณะนี้คือ SMS ปลอมที่แอบอ้างว่าเป็นการ “เรียกเก็บค่าปรับจากการจอดรถผิดกฎหมาย” โดยมีข้อความเร่งให้รีบชำระค่าปรับภายในเวลาจำกัด ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี เมื่อผู้รับข้อความตกใจและไม่ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก็อาจเผลอคลิกลิงก์และกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรประชาชน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือแม้แต่รหัสผ่านบัญชีธนาคาร ส่งผลให้ข้อมูลส่วนตัวหลุดรั่ว และนำไปสู่การถูกขโมยเงินหรือโจรกรรมข้อมูลโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น การรู้เท่าทันกลโกงประเภทนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในยุคที่ภัยไซเบอร์อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด
SMS ปลอมคืออะไร ?
SMS ปลอม คือข้อความที่ถูกสร้างขึ้นโดยมิจฉาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อหลอกลวงให้ผู้รับข้อความหลงเชื่อว่าเป็นการติดต่อจากหน่วยงานทางการ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมการขนส่งทางบก, ธนาคารพาณิชย์ หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะใช้ชื่อผู้ส่งหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ดูคล้ายกับของจริง รวมถึงเนื้อหาภายในข้อความที่มักจะสร้างความกังวล เช่น แจ้งเตือนค่าปรับจอดรถผิดกฎหมาย, แจ้งเตือนการชำระเงินด่วน, การรับพัสดุที่ล่าช้า หรือแม้แต่การแจ้งว่ามีปัญหากับบัญชีธนาคารของผู้รับ
ข้อความเหล่านี้มักแนบลิงก์ที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ที่มีชื่อคล้ายหน่วยงานจริง หรือมี URL ที่ดูเป็นทางการ เมื่อผู้รับคลิกลิงก์ดังกล่าว ก็จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมซึ่งออกแบบมาเลียนแบบเว็บไซต์จริงได้อย่างแนบเนียน ภายในเว็บไซต์เหล่านี้มักมีแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น เลขบัตรประชาชน หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัสผ่าน หรือข้อมูลบัตรเครดิต ซึ่งหากกรอกลงไป มิจฉาชีพก็สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในทางมิชอบ เช่น ถอนเงิน โอนเงิน หรือสวมรอยทำธุรกรรมต่าง ๆ จนผู้เสียหายอาจต้องสูญเสียทรัพย์สินโดยไม่ทันรู้ตัว
รูปแบบการหลอกลวง SMS ปลอม
กลโกงใหม่ล่าสุดของมิจฉาชีพคือการส่ง SMS ปลอมแจ้งค่าปรับที่จอดรถ ซึ่งเป็นเทคนิคที่แนบเนียนและอาศัยความเร่งรีบของผู้รับข้อความเพื่อสร้างความตื่นตระหนก ข้อความที่ถูกส่งมามักใช้ถ้อยคำที่ดูจริงจังและเร่งด่วน เช่น “คุณมีค่าปรับค้างชำระจากการจอดรถผิดกฎหมาย กรุณาชำระผ่านลิงก์ภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะมีผลทางกฎหมาย” พร้อมแนบลิงก์ที่มีหน้าตาใกล้เคียงกับเว็บไซต์ทางราชการ เช่น มีชื่อโดเมนที่คล้ายกับกรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและคลิกลิงก์ดังกล่าว ระบบจะนำไปสู่หน้าเว็บไซต์ปลอมที่ออกแบบมาให้เหมือนกับของจริงอย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ สีสัน ฟอนต์ และรูปแบบของแบบฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้จะมีแบบฟอร์มให้กรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขโทรศัพท์, เลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด หรือแม้กระทั่งรายละเอียดบัตรเครดิต โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลจำเป็นสำหรับชำระค่าปรับ
หากผู้ใช้งานไม่ระมัดระวังและกรอกข้อมูลตามที่เว็บไซต์แจ้ง มิจฉาชีพสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในทางมิชอบได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการแอบอ้างตัวตน, โจรกรรมทางการเงิน หรือขายข้อมูลต่อในตลาดมืด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทั้งในด้านทรัพย์สินและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างร้ายแรง
อันตรายจากการกดลิงก์ใน SMS ปลอม
- ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล: เมื่อผู้ใช้งานกรอกข้อมูลสำคัญ เช่น ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, เลขบัตรประชาชน หรือข้อมูลบัตรเครดิตลงในเว็บไซต์ปลอม ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งตรงถึงมือมิจฉาชีพทันที และสามารถถูกนำไปใช้แอบอ้างเปิดบัญชี ปลอมตัวทำธุรกรรม หรือขายต่อในตลาดมืดบนโลกออนไลน์ ซึ่งส่งผลเสียทั้งด้านชื่อเสียงและความปลอดภัยของผู้เสียหาย
- ถูกแฮกบัญชีธนาคาร: ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขบัตรเครดิต, CVV, วันหมดอายุ หรือแม้แต่รหัสผ่านธนาคารออนไลน์ ถือเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มมิจฉาชีพ เพราะเพียงแค่มีข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถทำธุรกรรม หรือโอนเงินออกจากบัญชีได้ทันที โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเพิ่มเติม ผู้ใช้งานบางรายอาจสูญเงินจำนวนมากภายในไม่กี่นาทีหลังจากกรอกข้อมูล
- ติดมัลแวร์หรือไวรัส: ลิงก์บางประเภทไม่ได้พาผู้ใช้งานไปยังเว็บไซต์ปลอมเพียงอย่างเดียว แต่อาจมีไฟล์หรือโคดอันตรายฝังอยู่ เมื่อคลิกแล้วมัลแวร์จะติดตั้งตัวเองลงในอุปกรณ์ของคุณอย่างลับ ๆ โดยไม่รู้ตัว และอาจทำหน้าที่แอบบันทึกรหัสผ่าน คีย์ล็อกเกอร์ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล ส่งผลให้ความเป็นส่วนตัวและข้อมูลสำคัญตกอยู่ในความเสี่ยงโดยตรง
แนวทางป้องกันตัวจาก SMS ปลอม
- อย่ากดลิงก์ใน SMS ที่น่าสงสัย
สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันตัวจากภัย SMS ปลอม คือ อย่าคลิกลิงก์ในข้อความที่ไม่น่าไว้วางใจ โดยเฉพาะข้อความที่ส่งมาจากหมายเลขโทรศัพท์ทั่วไป (ไม่ใช่เบอร์ทางการหรือรหัสองค์กร) และมีเนื้อหาที่เร่งรัด เช่น แจ้งค่าปรับ, ยืนยันพัสดุ, หรือให้กรอกข้อมูลด่วน หากพบลิงก์ที่มีชื่อโดเมนแปลก ๆ เช่น .top, .xyz หรือมีตัวสะกดใกล้เคียงกับเว็บไซต์ราชการ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นการหลอกลวง - ตรวจสอบความถูกต้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หากคุณได้รับข้อความที่อ้างว่าเป็นการติดต่อจากหน่วยงานรัฐ เช่น ตำรวจ, กรมการขนส่งทางบก หรือธนาคาร อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ควรตรวจสอบกับแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือก่อน เช่น โทรสอบถามกับหมายเลขโทรศัพท์ทางการของหน่วยงานนั้น หรือเข้าเว็บไซต์จริงโดยพิมพ์ URL เองในเบราว์เซอร์ ไม่ควรคลิกจากลิงก์ในข้อความ เพราะอาจนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่หลอกเอาข้อมูลส่วนตัว - ตั้งค่าความปลอดภัยบนมือถือ
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ของคุณ ควรเปิดใช้ฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ในมือถือ เช่น การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) สำหรับบัญชีธนาคารหรืออีเมล, การตั้งรหัสผ่านหรือสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าถึงแอปสำคัญ และการติดตั้งแอปพลิเคชันป้องกันไวรัสหรือมัลแวร์ ที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติจากแอปหรือลิงก์อันตรายได้ - แชร์ความรู้ให้คนรอบข้าง
นอกจากการป้องกันตัวเองแล้ว การแบ่งปันข้อมูลเหล่านี้ให้คนในครอบครัว เพื่อน หรือผู้สูงอายุที่อาจไม่เข้าใจเทคโนโลยีมากนัก ถือเป็นการช่วยลดความเสี่ยงโดยรวม ยิ่งคนรู้เท่าทันกลโกงมากเท่าไร โอกาสที่มิจฉาชีพจะหลอกลวงสำเร็จก็จะน้อยลง การสร้างเครือข่ายความรู้ในชุมชนช่วยให้เราต่อสู้กับภัยไซเบอร์ได้อย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น
หากตกเป็นเหยื่อควรทำอย่างไร
เมื่อรู้ตัวว่าเผลอกดลิงก์จาก SMS ปลอม และได้กรอกข้อมูลสำคัญ เช่น เลขบัตรประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือรหัสผ่านไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องรีบดำเนินการทันที เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ติดต่อธนาคารหรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต เพื่ออายัดบัญชี : หากคุณได้กรอกข้อมูลทางการเงิน เช่น หมายเลขบัตรเครดิต, เลขบัญชี หรือรหัส OTP ให้รีบโทรติดต่อธนาคารที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อขอ ระงับการทำธุรกรรมหรืออายัดบัตร ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพถอนเงินหรือใช้บัตรของคุณในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหากดำเนินการเร็วพอ อาจสามารถป้องกันการสูญเสียเงินได้ทันเวลา
- แจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ ผ่านเว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com : เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับทราบเหตุการณ์และรวบรวมข้อมูลในการติดตามตัวมิจฉาชีพ คุณสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ www.thaipoliceonline.com โดยระบุรายละเอียดให้ครบถ้วน เช่น เบอร์ที่ส่ง SMS, ข้อความที่ได้รับ, ลิงก์ปลอม และข้อมูลส่วนตัวที่ได้กรอกไป การแจ้งความจะช่วยให้คุณมีหลักฐานกรณีเกิดความเสียหาย และยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ติดตามแก๊งหลอกลวงได้เร็วขึ้น
- แจ้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของรัฐบาล : อีกหนึ่งหน่วยงานที่สามารถช่วยตรวจสอบและยับยั้งการกระจายของ SMS ปลอมคือ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) คุณสามารถแจ้งเบาะแสหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.antifakenewscenter.com หรือช่องทาง LINE Official ของหน่วยงาน การแจ้งเตือนนี้จะช่วยลดการแพร่ระบาดของกลโกงในวงกว้าง และ ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อซ้ำรอย
ข้อมูลจาก : Anti-Fake News Center Thailand
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
SMS คืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า จริง หรือ ลวง ?