“พี่ครับ รหัส WiFi อะไรครับ?”
ประโยคขอรหัส WiFi ฟรีที่คุ้นหู อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกเจาะข้อมูลโดยไม่รู้ตัว แม้การใช้งานอินเทอร์เน็ตฟรีในที่สาธารณะจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ราคาที่ต้องเสียไปจากการถูกสอดแนมข้อมูลนั้นแพงกว่ามาก
Thai PBS Verify ชวนสังเกตความเสี่ยงที่แฝงมากับ Wi-Fi สาธารณะง่าย ๆ ดังนี้
ความเสี่ยงที่อาจพบจากการใช้ Wi-Fi สาธารณะ
- Man-in-the-Middle (MITM) : ผู้ไม่หวังดีอาจสอดแนมข้อมูลระหว่างคุณกับเว็บไซต์ เช่น ข้อมูลล็อกอิน/รหัสผ่าน
- Wi-Fi ปลอม (Evil Twin) : ตั้งชื่อเครือข่ายให้ดูน่าเชื่อถือ เช่น “Free_WiFi_Cafe” แต่จริง ๆ แล้วเป็นกับดักของแฮกเกอร์
- ดักจับข้อมูลแบบไม่เข้ารหัส (Unencrypted Traffic) : ถ้าเว็บไม่เป็น HTTPS แฮกเกอร์อาจเห็นข้อมูลที่ส่งได้
- มัลแวร์ผ่านการเชื่อมต่อ : อาจมีไวรัสแฝงมากับการเชื่อม Wi-Fi ซึ่งถูกปล่อยโดยแฮกเกอร์
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงจากการใช้ Wi-Fi สาธารณะ
- หลีกเลี่ยงการเข้าสู่ระบบบัญชีธนาคารหรือทำธุรกรรมทางการเงินเมื่อใช้ Wi-Fi สาธารณะ
- ตรวจสอบ URL ว่าขึ้นต้นด้วย https:// ก่อนใส่ข้อมูลสำคัญ
- ใช้บริการ VPN ทุกครั้งเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ ไม่ว่าจะบนมือถือหรือคอมพิวเตอร์
- ปิดการแชร์ไฟล์และตั้งค่าไม่ให้เชื่อมต่อ Wi-Fi อัตโนมัติ
- เลือกใช้เครือข่ายมือถือ (Hotspot) แทนเมื่อต้องทำงานหรือดำเนินการสำคัญ
VPN สำคัญอย่างไร
VPN (Virtual Private Network) คือเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างเครือข่ายส่วนตัวเสมือนผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสาธารณะหรือเครือข่ายเปิด เพื่อให้การรับ-ส่งข้อมูลมีความปลอดภัยมากขึ้น
VPN ทำอะไรบ้าง
- เข้ารหัสข้อมูล – ทุกข้อมูลที่คุณส่งผ่านอินเทอร์เน็ต (เช่น รหัสผ่าน, ข้อความ, ไฟล์) จะถูกเข้ารหัส ทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถอ่านหรือดักจับได้ง่าย
- ซ่อนตัวตนออนไลน์ – VPN จะปิดบัง IP address จริงของคุณ แล้วใช้ IP address ของเซิร์ฟเวอร์ VPN แทน ช่วยป้องกันการติดตามตำแหน่งหรือกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ต
- หลีกเลี่ยงการบล็อกเว็บไซต์ – คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการที่ถูกจำกัดในบางพื้นที่ เช่น การดูคอนเทนต์จากต่างประเทศ
ตัวอย่างการใช้งาน VPN ได้แก่ การเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะอย่างปลอดภัย โดยช่วยเข้ารหัสข้อมูลไม่ให้ถูกดักจับ, ป้องกันการติดตามจากเว็บไซต์หรือโฆษณา ที่มักเก็บข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้โดยไม่รู้ตัว
ข้อมูลจาก