Loading...

แชร์

Copied!

“ขอดู-ถ่าย-ยึดบัตรประชาชน” ทำได้แค่ไหน? Thai PBS Verify มีคำตอบ

12 ต.ค. 6810:00 น.
“ขอดู-ถ่าย-ยึดบัตรประชาชน” ทำได้แค่ไหน? Thai PBS Verify มีคำตอบ
หลายคนยังสงสัยว่า เวลาต้องมาเจอกับด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สามารถขอดู ถ่าย หรือยึดบัตรประชาชนได้หรือไม่? Thai PBS Verify ตรวจสอบข้อเท็จจริงมาให้แล้ว ว่าอะไรทำได้ตามกฎหมาย และอะไรที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

Thai PBS Verify หาคำตอบมาให้กับผู้คนที่สงสัย โดยเราได้พูดคุยกับ ทนายทัศไนย ไชยแขวง อาจารย์วุฒิคุณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอดีตอุปนายกสภาทนายความ ที่มาคลายข้อสงสัยให้กับประชาชนถึงประเด็นดังกล่าว

ทนายทัศไนย ไชยแขวง อาจารย์วุฒิคุณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอดีตอุปนายกสภาทนายความ

เจ้าหน้าที่ขอดูบัตรประชาชนได้หรือไม่?

การขอดูบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่สามารถขอดูได้ เพราะถือเป็นอำนาจตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 เรื่องอำนาจหน้าที่ในการป้องกันหรือปราบปรามการกระทำความผิด ตามมาตรา 6 ในบทบัญญัติทั่วไป เรื่องอำนาจหน้าที่ บวกกับระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการปฏิบัติงานของสายตรวจ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดเจ้าหน้าที่พบเห็นอะไร หรือมีเหตุสงสัย ก็สามารถตรวจค้นได้ โดยมีกฎหมายรองรับอยู่ แต่หากตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำการยึดบัตรเหล่านั้นไปโดยไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา จะไม่สามารถกระทำได้

ยึดบัตรได้หรือไม่?

เรื่องการยึดบัตรประชาชนนั้น เจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะยึดบัตรประชาชนได้ เว้นแต่ว่า ตำรวจจะอาศัยหลักประมวลกฎหมายอาญา ก็คือบัตรประชาชนนั้นถูกใช้ในการกระทำความผิด ซึ่งมีลักษณะเหมือนของกลางในคดีอื่น ๆ เช่น มีดที่ถูกใช้ก่อเหตุฆาตกรรม หรือกรณีของการยึดรถ ที่ถูกนำมาใช้ในการแข่งขันบนถนนหลวง โดยสำหรับบัตรประชาชนนั้น อาจจะถูกใช้ไปเป็นหลักฐาน หากถูกนำไปใช้ในการหลอกลวงหรือทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเป็นต้น

ตำรวจไม่มีอำนาจถ่ายรูปบัตรประชาชน

ส่วนกรณีการขอถ่ายรูปบัตรประชาชน ถือว่าไม่มีกฎหมายระบุเอาไว้ชัดเจน ซึ่งการถ่ายรูปหรือการบันทึกการจับกุมสามารถทำได้ เพียงแต่ว่าต้องเป็นเหตุที่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วเท่านั้น ว่าเป็นผู้กระทำความผิดในชั้นจับกุม และได้มีการควบคุมตัว รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐาน หากบัตรนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีก็สามารถถ่ายรูปบัตรประชาชนของเราไว้เป็นหลักฐานได้ แต่หากเป็นการตรวจค้นธรรมดา ไม่ได้มีเหตุหรือมีการแจ้งความใด ๆ เจ้าหน้าที่จะยังไม่มีอำนาจในการที่จะถ่ายรูปบัตรประชาชนเหล่านั้น

อย่างไรก็ตามแม้จะมีอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้น หรือขอดู แต่ก็อาจจะขัดกับกฎหมายอื่น ๆ ที่มีอำนาจเป็น พ.ร.บ.เหมือนกัน เช่น พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล หรือ PDPA เนื่องจากบัตรประชาชนเป็นเอกสารที่ระบุถึงบุคคลเหล่านั้นได้ เป็นข้อมูลที่สามารถบ่งบอกถึงสถานที่อยู่ วัน เดือน ปีเกิด รวมถึงข้อมูลสำคัญอื่น ๆ เช่น เลขประจำตัวประชาชน ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินขอบเขต ก็อาจจะขัดกับข้อกฎหมาย PDPA ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ข้อมูลหลุดเมื่อไหร่อาจถูกสวมรอย

ในหลายกรณี มีการร้องเรียนว่า สำเนาบัตรประชาชนที่เคยให้ไว้กับบางองค์กร ถูกนำไปใช้เปิดบัญชีธนาคาร สมัครบริการโทรศัพท์มือถือ หรือขอสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรง และสร้างความเสียหายแก่เจ้าของข้อมูลโดยตรง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของหลายหน่วยงาน

แนวทางป้องกัน / คำแนะนำสำหรับประชาชน

  1. ให้ยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อมีผู้ขอสำเนา / ถ่ายภาพบัตร

  2. ถ่ายเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น เบลอส่วนข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง

  3. ระบุ วัตถุประสงค์ / ระยะเวลา / ขอบเขตการใช้งาน ของสำเนา (เช่น ใช้สมัครงาน ใช้ภายใน 30 วัน)

  4. เก็บรักษาสำเนา / ภาพบัตรให้ปลอดภัย เช่น ตั้งรหัส, เข้ารหัส, ลบข้อมูลเมื่อหมดวัตถุประสงค์

  5. หากถูกยึดบัตรโดยไม่มีเหตุสมควร ให้ร้องเรียน / ดำเนินการทางกฎหมาย

แม้ปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดอยู่มากเกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูล แต่กฎหมาย PDPA ได้เปิดช่องให้ประชาชนสามารถควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้มากขึ้น และมีสิทธิร้องเรียน หรือเรียกร้องค่าชดเชยหากพบว่าข้อมูลของตนถูกนำไปใช้โดยไม่ชอบ

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เพียงแค่การรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ แต่คือการมี “สติ” ทุกครั้งที่ถูกขอข้อมูลส่วนตัว และกล้าที่จะตั้งคำถาม รวมถึงปฏิเสธหากเห็นว่าการร้องขอนั้นเกินสมควรหรือไม่มีเหตุผลเพียงพอ