วันนี้ (21 พ.ค.2568) นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการแถลงข่าวเดินหน้าโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง โดยมีนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการ อพท. และนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมแถลงในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลักเรื่องการออกแบบและก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง
นายสรวงศ์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาล ภายใต้แนวทางการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ที่เน้นการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมและส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพราะการเข้าถึงธรรมชาติ คือ สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 27
นอกจากนั้นการออกแบบกระเช้าไฟฟ้า ไม่ได้คำนึงเพียงแค่การอำนวยความสะดวก แต่เป็นเครื่องมือของการอนุรักษ์ ที่จะลดการเดินเท้าในเขตเปราะบาง ลดการพักแรมบนภู ลดขยะ ลดภาระของเจ้าหน้าที่ และลดความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ เป็นการเข้าถึงโดยไม่สัมผัสโดยตรง อนุรักษ์ภูกระดึงด้วยเทคโนโลยีที่เคารพธรรมชาติ

นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของโครงการฯ คือ สิ่งแวดล้อมต้องมาก่อน โดยการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึงนั้น มีพื้นที่โครงการส่วนหนึ่งตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งถือเป็นพื้นที่ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ โครงการนี้จึงต้องผ่านการจัดทำ EIA อย่างเข้มข้น และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายหรือกฎระเบียบทุกประการ ครอบคลุมทั้งสิ่งแวดล้อม กายภาพ สังคม สุขภาพ และชุมชน พร้อมทั้งจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นอย่างโปร่งใสและมีส่วนร่วม
ออกแบบโดยไม่รบกวนธรรมชาติ โดยยึดแนวคิด Minimum Intervention คือ สถานีและเส้นทางกระเช้าถูกเลือกให้กระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด และเมื่อกระเช้าพร้อมใช้งาน แนวโน้มการพักแรมบนยอดภูจะลดลง ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศในระยะยาว รวมถึงปริมาณขยะตกค้างที่มีแนวโน้มลดลงด้วย

นายสรวงศ์ ยังกล่าวว่า กระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง จะช่วยกระจายรายได้จากยอดภูลงสู่ชุมชนตีนภู เพราะนักท่องเที่ยวจะสามารถขึ้นไปชื่นชมธรรมชาติบนยอดภู และลงมาตีนภูได้ในวันเดียวกัน จึงกลายเป็นโอกาสของชุมชนโดยรอบตีนภูในการประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร หรือกิจกรรมท่องเที่ยวท้องถิ่น อพท. ยังมีแผนดูแลกลุ่มลูกหาบโดยจัดสรรพื้นที่พาณิชย์ให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม
นอกจากนั้นยังสามารถใช้กระเช้าไฟฟ้า เป็นเส้นทางช่วยชีวิตในยามฉุกเฉิน ทั้งนักท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ และแม้แต่สัตว์ป่า ไม่ว่าจะเป็นการพาผู้บาดเจ็บลงจากภู ลำเลียงอุปกรณ์ดับไฟป่า หรือช่วยสัตว์ที่บาดเจ็บจากกับดัก โครงสร้างพื้นฐานนี้สามารถลดความสูญเสียได้อย่างมีนัยสำคัญ

ไทม์ไลน์ 2 ปี สร้างกระเช้าภูกระดึง
สำหรับโครงการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง กระทรวงฯ ได้มอบหมาย อพท.เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน โดยประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของพื้นที่อย่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน รวมถึงการทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการนี้ไม่เพียงถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องมีความเข้าใจและความร่วมมือจากคนในพื้นที่อย่างแท้จริง
ในส่วนของแผนการออกแบบและก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการ อพท. และนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร ผู้อำนวยการ อพท. เปิดเผยว่า มีขั้นตอนหลักด้วยกัน 8 ขั้นตอน ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 2 ปี 6 เดือนโดยประมาณ นับจากเดือน พ.ค.2568 - พ.ย.2570 ขณะนี้ อพท. ได้วางกรอบการดำเนินงานไว้อย่างรอบคอบ ทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้กฎหมายและกลไกการกลั่นกรองที่ชัดเจน
ระยะที่ 1 ขั้นตอนที่ 1-3 ระยะเวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 10 เดือน (พ.ค.2568 – มี.ค.2569) จะเป็นส่วนของการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) อย่างละเอียด โดยศึกษาครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม กายภาพ สังคม สุขภาพ และวิถีชุมชน มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเปิดกว้าง รวมถึงภาคประชาสังคมอย่างเต็มที่

ระยะที่ 2 (ขั้นตอนที่ 4-6) ระยะเวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 5 เดือน (เม.ย. - ส.ค.2569) เข้าสู่กระบวนการยื่นเสนอรายงาน EIA ซึ่งจะต้องทำการเสนอกับสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) โดยคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และต้องได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ซึ่งคณะกรรมการผู้ชำนาญการ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเป็นอิสระและมีความเป็นกลางอย่างสูงในการพิจารณา ก่อนนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี รวมถึงขออนุญาตการก่อสร้างต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ระยะที่ 3 (ขั้นตอนที่ 7-8) ระยะเวลาการดำเนินงานโดยประมาณ 15 เดือน (ก.ย.2569 – พ.ย.2570) เข้าสู่ขั้นตอนของการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 12 เดือน
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เน้นย้ำว่า โครงการกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง ไม่ใช่เพียงเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่ต้องกลมกลืนกับธรรมชาติ ให้โอกาสกับผู้คน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นไปพร้อมกัน และใช้การบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูและอนุรักษ์มรดกทางธรรมชาติ รวมทั้งกระจายประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

อ่านข่าว : มูลนิธิสืบฯ แถลงการณ์ค้านก่อสร้าง "กระเช้าภูกระดึง"
ดัน “กระเช้าภูกระดึง” 2 ปีแบบก่อสร้างชัด