กลยุทธ์ชิงความได้เปรียบของ 2 พรรคใหญ่ "เพื่อไทย-ภูมิใจไทย" ชัดเจนขึ้นเมื่อ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ระบุ ไม่ได้ยินว่า ภูมิใจไทยจะออกไปเป็นฝ่ายค้าน หากมีการปรับครม.แล้ว ไม่ได้ดูแลกระทรวงมหาดไทย ขณะที่ "อนุทิน ชาญวีรกูล"รองนายกฯ และรมว. มหาดไทย ประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน และไม่รับข้อเสนอแลกกระทรวง ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุข หรือพาณิชย์
"ไม่มีนะคะ เมื่อวานก็ไม่เห็นพูดแบบนี้เลย ไม่ได้ยินแบบนี้เลย" คำตอบของนายกฯ เมื่อถูกถามเรื่องการปรับครม.และภูมิใจไทยจะออกไปเป็นฝ่ายค้าน
ไม่ใช่แค่โยนหินถามทาง แต่ก่อนหน้านี้ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ เคย
ปรารภกับ "อนุทิน" แบบอ้อมๆ เมื่อครั้งไปปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติฯ" ที่จัดขึ้นโดยป.ป.ส.มาแล้ว โดยจัดหนัก 2 กระทรวงหลัก คือ "มหาดไทยและศึกษาธิการ" หากตั้งใจฟังก็อนุมานได้ไม่ยาก "มหาดไทย" คือ เป้าหมายหลัก และเดินสายทวงแทบทุกเวทีที่เปิดโอกาสให้
ขณะที่ "ค่ายสีน้ำเงิน" แม้จะรู้ตัว แต่ยังยืนกราน คำตอบเดิม เมื่อวานนี้ (16 มิ.ย.2568 ) หลังจาก "อนุทิน"กลับจาก "ช่องบก" จ.อุบลราชธานี ได้เข้าพบนายกฯที่ทำเนียบ และบอกกับนักข่าวเพียงว่า คุยกันในเรื่องทั่ว ๆไป และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการปรับครม.
หากในช่วงค่ำวันเดียวกัน ก็ปรากฎข่าวว่า มีดีลแลกกระทรวงเกิดขึ้น เพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทย โดยแลกกับกระทรวงสาธารณสุข และมีการเพิ่มพาณิชย์ให้อีก 1 กระทรวง แต่ไม่ได้ข้อยุติ หากยังไม่พอใจ ค่ายสีแดงยังใจปั๊มยก อาจเพิ่ม "คมนาคม" ให้อีก
แต่มีกระแสข่าวว่า "อนุทิน" ไม่รับข้อเสนอนี้ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยอยูู่ในช่วงขาลง การได้กระทรวงสาธารณสุขหรือพาณิชย์ ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์พรรคภูมิใจไทยดีขึ้น จึงใช้ความนิ่ง และอาจอยู่กันไปในลักษณะนี้ก่อน อีกทั้งเป็นเกมวัดใจว่า "เพื่อไทย"จะกล้าเขี่ย "ภูมิใจไทย" ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่
ไม่เพียง ไม่รับข้อเสนอ แต่ยังประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้าน หากถูกเขี่ยออก แถม "ภูมิใจไทย" ยังโชว์พาว หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เสร็จสิ้่น ได้ออกไปรับประทานอาหารที่โรงแรมแห่งหนึ่งร่วมกับครูใหญ่ "เนวิน ชิดชอบ" ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และ "โกเกี๊ยะ" พิพัฒน์ รัชกิจปราการ รมว.แรงงาน ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย
รวมทั้งแกนนำเมืองมะขามหวาน "สันติ พร้อมพัฒน์" รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ "จิตรา หมีทอง" ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจากครม. ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองของ"อนุทิน"
ท่ามกลางสมรภูมิการเมืองร้อนระอุ ในยามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" และพรรคเพื่อไทย อยากได้กระทรวงคลองหลอด "มหาดไทย" มาครอบครอง แน่นอนคงไม่ใช่แค่ต้องการ "ปูทาง"ต่อสู้ในสนามเลือกตั้งปี 2570 อย่างเดียว ในกรณีที่"แพทองธาร" อยู่ครบเทอม แต่การณ์ไกลกว่านั้น คือ "อำนาจ" ที่อยู่ในมือ มหาดไทย โดยเฉพาะกรมการปกครองนั้นมี "ล้นเหลือ"
โดยเฉพาะการกำกับดูแลพระราชบัญญัติการพนัน 2478 การอนุญาตเล่นการพนันถูกกฎหมาย และต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งจะมีผลต่อเนื่อง เชื่อมโยงและเกี่ยวพันกับร่างพ.ร.บ.กาสิโน หรือ "เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ด้วย ดังนั้นหากพรรคเพื่อไทย ได้คืน "มหาดไทย" ก็จะทำให้กฎหมายบ่อนการพนัน และกาสิโน อยู่ในเงื้อมมือทั้งหมด
หากพลิกกฎหมายพ.ร.บ.การพนัน 2578 เดิมได้ระบุ บัญชีการพนันไว้ 2 ประ เภท คือ บัญชี ก. 28 ประเภท เช่น หวยกข โปปั่น , โปกำ , ถั่ว , แปดเก้า, จับยี่กี , ต่อแต้ม, เบี้ยโบกหรืออีโจ้ง ,ไพ่ 3 ใบ ,ไม้สามอัน ,ช้างงาหรือป๊อก ไม้ดำไม้แดง หรือปลาดำปลาแดง หรืออีดำอีแดง อีโปงครอบ, กำตัต , ไม้หมุนหรือล้อหมุนทุกๆ อย่าง หัวโตหรือถ่ายภาพ ฯลฯ
และบัญชี ข.อีก 28 ประเภท อาทิ มวยปล้ำ ชกมวย ,สลากกินแบ่งสลากกินรวบ,จับสลากโดยวิธีใด ๆ ,ยิงเป้า , ปาหน้าคน ปาสัตว์หรือสิ่งใดๆ , บิลเลี่ยน , ข้ออ้อย ,สะบ้าย้อย , สะบ้าชุดที่ , ฟุตบอลโต๊ะ ฯลฯ
ต่อมาเมื่อปี 2567 ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศกฎกระทรวงให้การพนัน 23 ชนิดสามารถเล่นได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเวลาและสถานที่ที่กำหนด ซึ่งกฎฉบับนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเล่นพนันให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ลดผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นในสังคม และลดความเสี่ยงจากการติดพนันหรือการกระทำที่อาจผิดกฎหมาย
โดยการพนันที่สามารถเล่นได้ตามกฎหมายจะประกอบด้วยการละเล่นแบบเสี่ยงโชค เช่น เกมบิงโก การจับฉลากของรางวัล กิจกรรมที่มีการทายผล หรือการละเล่นเพื่อความสนุกสนานตามเทศกาล บางชนิดอาจจัดในงานมหรสพ หรืองานประเพณีสำคัญที่ได้รับอนุญาตโดยเฉพาะ
และยังครอบคลุมการพนันบางประเภทที่เล่นในสถานที่ซึ่งได้รับการควบคุม เช่น กาสิโนหรือสโมสรกีฬาที่มีการขออนุญาตอย่างเป็นทางการ การกำหนดเวลา ในการเล่นเป็นส่วนสำคัญ เพื่อช่วยป้องกันผลกระทบเชิงลบจากการเล่นพนัน
ปี 2568 กระทรวงมหาดไทย ยุค "อนุทิน" ได้สั่งให้แก้ไข พ.ร.บ. การพนัน พ.ศ. 2478 เพื่อให้สามารถบังคับใช้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ให้ครอบ คลุมบ่อนพนัน พนันออนไลน์ การปฏิบัติการของเจ้า หน้าที่ให้มีอัตราโทษที่หนักขึ้น โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้ยกร่างพ.ร.บ.การพนัน (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... และได้ดำเนินการรับฟังความความเห็นประชาชนตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้พยายามดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ท่ามกลางเสียงคัดค้าน ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง หลังจากเรื่องยังคงค้างอยู่ ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ 2568 นี้
แม้จะมีการระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน ทั้งธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า สวนน้ำ ขณะเดียวกัน ก็มีการกำหนดให้ผู้ ประกอบการต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในประเทศไทย และมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
อีกทั้งยังกำหนดระบบอนุญาตและการควบคุม โดยคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มี”นายกฯ” เป็นประธาน และมีนักการเมืองเป็นกรรมการอีกจำนวหนึ่ง แถมเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถยกเว้นกฎหมายบางฉบับ สำหรับผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศได้
ตัวอย่างที่ว่า เป็นแค่ "น้ำจิ้ม" เท่านั้น ยังไม่รวม "อำนาจ" ในการขายการออกใบอนุญาตใบละ 10,000ล้านบาท อย่างน้อยอีก 10 แห่ง นอกจากนีี้ในอนาคต กฎหมายยังเปิดช่องให้ออกใบอนุญาตได้มากกว่านั้น เพื่อนำเงินมาเป็นกองทุนของสถานบันเทิงครบวงจร
ในที่สุดแล้ว อาจกลายเป็นการเปิดช่องให้ถูกนำไปใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับ "การเมือง"และเป็นแหล่งเงินทุนของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลได้ ถือเป็นการชิงอำนาจความได้เปรียบทาง"การเงิน" ของนักการเมืองและพรรคการเมืองใหญ่ ขณะที่ประเทศและประชาชน อาจไม่ได้อะไรเลย
อ่านข่าว:
ศึกนอกไม่จบ ศึกในรุมเร้า “มรสุม” ทักษิณ-เพื่อไทย ในคืนข้างแรม
หลุมพรางกัมพูชา “ฮุน เซน” เหลี่ยมจัด ดึง “ไทย” ขึ้นสู่ศาลโลก