เช้าวันนี้ (24 มิ.ย.2568) ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลยังคงร้อนระอุ แม้จะมีคำประกาศหยุดยิงจาก ปธน.สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ แต่ด้านกองทัพอิสราเอล (IDF) รายงานว่า ตรวจพบขีปนาวุธหลายระลอกจากอิหร่านพุ่งสู่อิสราเอล โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศถูกเปิดใช้งานเต็มกำลัง ไซเรนเตือนภัยดังก้องในเมืองเบียร์เชวา เทลอาวีฟ และเยรูซาเล็ม ขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคารที่พักในเบียร์เชวา ทางตอนใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน หน่วยกู้ภัย Magen David Adom และตำรวจ พร้อมหน่วยกู้ระเบิดลงพื้นที่ทันที เพื่อช่วยเหลือและตรวจสอบความเสียหาย
ในเวลาเดียวกัน อิสราเอลยังคงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงเตหะรานอย่างต่อเนื่อง เป้าหมายรวมถึง คุกเอวินที่ใช้ขังนักโทษการเมือง และฐานทัพของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) สื่อสังคมออนไลน์ในเตหะรานรายงานว่า ควันดำปกคลุมเมือง และการโจมตีดำเนินนานหลายชั่วโมง ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านเหนือเมืองหลวงยังคงทำงานเต็มที่เพื่อสกัดกั้นการโจมตีจากเครื่องบินรบและโดรนของอิสราเอล
- "ทรัมป์" ประกาศ "อิสราเอล - อิหร่าน" บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว
- "อิหร่าน" โจมตีฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในกาตาร์

ด้านอิหร่าน สื่อของรัฐ เช่น IRNA อ้างว่า ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้ "การรุกรานของสหรัฐฯ" สำเร็จ โดยเฉพาะการโจมตีฐานทัพอัล-อูเดดในกาตาร์ ซึ่งเป็นฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง สื่ออิหร่านระบุว่า ทรัมป์ "ร้องขออย่างวิงวอน" ให้หยุดยิง อย่างไรก็ตาม นายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน โพสต์บน X ว่า "ไม่มีข้อตกลงหยุดยิงใด ๆ กับอิสราเอลในขณะนี้" และยืนยันว่าอิสราเอลเป็นฝ่ายเริ่มสงคราม อารักชียังกล่าวก่อนหน้านี้ว่า หากอิสราเอลหยุดโจมตีภายใน 04.00 น. ตามเวลาเตหะราน หรือประมาณ 08.30 น. ตามเวลาไทย อิหร่านจะไม่ตอบโต้เพิ่ม แต่เมื่อเวลานั้นผ่านไป การโจมตีของทั้ง 2 ฝ่ายยังดำเนินต่อไป
รัฐบาลอิสราเอลยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการยืนยันหรือปฏิเสธคำประกาศหยุดยิงของทรัมป์ IDF ออกแถลงการณ์สั้น ๆ ว่า สถานการณ์การป้องกันภัยยังไม่เปลี่ยนแปลง และขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำสั่งด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ดร. เรซา คานซาดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศจากสถาบันวิจัยตะวันออกกลาง วิเคราะห์ว่า การหยุดยิงที่ทรัมป์ประกาศมีน้ำหนักเพียงคำพูด แต่สถานการณ์ภาคพื้นดินที่ยังมีการยิงตอบโต้แสดงให้เห็นว่าข้อตกลงนี้เปราะบางอย่างยิ่ง

"กาตาร์" ตัวกลางเจรจาอิหร่าน-อิสราเอล
"กาตาร์" กลายเป็น "ตัวกลางสำคัญ" ในการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล โดยใช้ความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสหรัฐฯ และอิหร่าน เพื่อผลักดันสันติภาพ ชีค ทามิม บิน ฮาหมัด อัล ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ มีบทบาทเด่นในการเป็นช่องทางสื่อสารกับทรัมป์และผู้นำอิหร่าน ทรัมป์เผยว่าเขาโทรศัพท์พูดคุยกับชีค ทามิมหลายครั้งในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนการประกาศหยุดยิง และขอบคุณกาตาร์ที่ช่วยโน้มน้าวอิหร่านให้ยอมรับข้อตกลง
แหล่งข่าวจากทำเนียบขาวระบุว่า "กาตาร์เป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญ" โดยเฉพาะการประสานงานผ่าน ชีค โมฮัมเหม็ด บิน อับดุลเราะห์มาน อัล ธานี นายกรัฐมนตรีกาตาร์ ซึ่งทำงานร่วมกับ เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อกำหนดรายละเอียดของข้อตกลง
กาตาร์ยังมีบทบาทด้านข่าวกรองที่สำคัญ โดยแจ้งเตือนสหรัฐฯ ล่วงหน้าเกี่ยวกับการโจมตีฐานทัพอัล-อูเดด ซึ่งอิหร่านวางแผนไว้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่อิหร่านที่ส่งผ่านกาตาร์ ช่วยให้สหรัฐฯและกาตาร์สกัดกั้นขีปนาวุธได้สำเร็จ โดยไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ฐานทัพอัล-อูเดด ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการกลางของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง กาตาร์ลงทุนกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่ปี 2546 เพื่อพัฒนาฐานทัพนี้ และรักษาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็มีช่องทางการทูตกับอิหร่านผ่านการเป็นเจ้าภาพเจรจานิวเคลียร์ในอดีต

นายกรัฐมนตรีกาตาร์เป็นผู้เจรจากับอิหร่านโดยตรงในวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา และผลักดันให้เตหะรานยอมรับข้อเสนอหยุดยิง ดร. คานซาดีชี้ว่า ความสำเร็จของกาตาร์มาจากความเป็นกลาง และความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างมหาอำนาจตะวันตกและอิหร่าน เขากล่าวว่า
กาตาร์ใช้ความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนใครในการเป็นตัวกลาง ซึ่งเป็นบทบาทที่น้อยประเทศในภูมิภาคทำได้ อย่างไรก็ตาม การที่อิหร่านปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า การเจรจายังไม่สมบูรณ์ และกาตาร์อาจต้องใช้ความพยายามเพิ่มเติมเพื่อรักษาสถานการณ์ไม่ให้ลุกลาม
กาตาร์ยังแสดงความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งขนส่งน้ำมันร้อยละ 20 ของโลก การโจมตีของอิหร่านและภัยคุกคามที่จะปิดช่องแคบนี้ ทำให้กาตาร์ผลักดันการเจรจาอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องเสถียรภาพของภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก
วันแห่งการทูตอันน่าทึ่งของ "สหรัฐฯ"
ทรัมป์อ้างว่าตัวเขามีบทบาทชี้ขาดในการผลักดันอิสราเอล-อิหร่านหยุดยิงในครั้งนี้ โดยเรียกว่า "วันแห่งการทูตอันน่าทึ่ง" เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. หลังจากอิหร่านโจมตีฐานทัพอัล-อูเดด ทรัมป์และคณะทำงานอย่างหนักเพื่อเป็นตัวกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ทรัมป์สื่อสารโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ขณะที่ เจ.ดี. แวนซ์, มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และ สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษประจำตะวันออกกลาง ประสานงานกับฝ่ายอิหร่านผ่านช่องทางตรงและทางอ้อม
ทำเนียบขาวยืนยันว่า การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ในปฏิบัติการ "มิดไนต์ แฮมเมอร์" เป็นปัจจัยสำคัญที่บีบให้อิหร่านยอมเจรจา สหรัฐฯ ส่งสารผ่านตัวกลางว่า การโจมตีมีขอบเขตจำกัด และเงื่อนไขสำหรับข้อตกลงทางการทูตคือ "ห้ามเสริมสมรรถนะยูเรเนียม" รูบิโอยังคงเรียกร้องให้มีการเจรจาโดยตรงเพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่ความพยายามจัดการประชุมระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีอิหร่านในตุรกีเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่สำเร็จ เนื่องจากอิหร่านยืนกรานว่าต้องหยุดการโจมตีจากอิสราเอลก่อน

การโจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐฯ สร้างความแตกแยกในสภาคองเกรส สส.จิม ไฮมส์ เห็นว่าหยุดยิงที่ยั่งยืนเป็นผลดี แต่ สส.อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ วิจารณ์ว่าเป็นการทำสงครามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสภา สส.โทมัส แมสซี ตำหนิทรัมป์ที่อนุมัติปฏิบัติการโดยขาดการรับรอง
แหล่งข้อมูล : CNN, The New York Times
อ่านข่าวอื่น :
"ทรัมป์" ประกาศ "อิสราเอล - อิหร่าน" บรรลุข้อตกลงหยุดยิงแล้ว