สถานีโทรทัศน์ทางการอิหร่าน เผยแพร่วิดีโอโดยระบุว่าเป็นภาพขีปนาวุธที่ยิงโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) พุ่งเป้าไปยังฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ในกาตาร์
กองทัพอิหร่าน แถลงว่า ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอากาศ อัล-อูเดอิด (Al Udeid) ของสหรัฐฯ ในกาตาร์ ซึ่งสร้างความเสียหายและทรงพลังอย่างยิ่ง แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าไม่มีบุคลากรของสหรัฐฯ เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีฐานทัพอากาศแห่งนี้

โฆษกกองทัพอิหร่าน ระบุว่า อิหร่านได้ส่งสารถึงทำเนียบขาวและพันธมิตรอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา ว่า อิหร่านจะไม่ปล่อยให้การรุกรานใด ๆ ต่อบูรณภาพแห่งดินแดน อธิปไตย หรือความมั่นคงของชาติ ไร้การตอบโต้
ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางการจับตาและเฝ้าระวังการตอบโต้สหรัฐฯ ของอิหร่าน หลังสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ในอิหร่าน 3 แห่ง ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่นักศึกษาในหอพักในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ บันทึกภาพช่วงเวลาที่ขีปนาวุธของอิหร่านพุ่งตรงไปยังฐานทัพอากาศของสหรัฐฯ ในกาตาร์ไว้ได้ ซึ่งประชาชนในกรุงโดฮา ระบุว่าได้ยินเสียงดังสนั่นเหนือท้องฟ้า ขณะที่วิดีโอที่เผยแพร่แสดงให้เห็นแสงวาบสว่างบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศกำลังพยายามสกัดกั้นขีปนาวุธที่ถูกยิงเข้ามา
เช่นเดียวกับอีกหลายจุดที่มีผู้บันทึกภาพลูกไฟของขีปนาวุธที่เคลื่อนที่อยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก ก่อนจะถูกยิงสกัดเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังมีภาพซากชิ้นส่วนของขีปนาวุธที่ถูกสกัดกั้นเหนือกรุงโดฮาไว้ได้ด้วย
กองทัพอิหร่าน ระบุว่า ยิงขีปนาวุธจำนวนเท่ากับระเบิดที่สหรัฐฯ ทิ้งใส่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และอิหร่านยังยืนยันว่าเลือกเป้าหมายที่อยู่นอกพื้นที่ชุมชน
ท่าทีดังกล่าว สะท้อนว่าอิหร่านอาจต้องการลดความตึงเครียดกับสหรัฐฯ โดยอิหร่าน อ้างว่าได้ยิงขีปนาวุธ 6 ลูก ส่วนสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กาตาร์ ระบุว่ามีการยิงขีปนาวุธจำนวน 19 ลูก และทั้งหมดสกัดไว้ได้
ขณะที่ทางสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ว่ามีการยิงขีปนาวุธทั้งหมด 14 ลูก โดย 13 ลูกถูกสกัดกั้นได้ และอีก 1 ลูกถูก "ปล่อยผ่าน" เนื่องจากไม่ได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เป็นภัยคุกคาม
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อิหร่านแจ้งเตือนสหรัฐฯ ล่วงหน้าก่อนที่จะยิงขีปนาวุธเข้าใส่ฐานทัพทหารสหรัฐฯ ในกาตาร์ ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว และแทบจะไม่มีความเสียหายใด ๆ เกิดขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีความเกลียดชังเพิ่มขึ้นอีก อิหร่านอาจก้าวสู่สันติภาพและความปรองดองในภูมิภาคได้แล้ว และตนเองจะส่งเสริมอิสราเอลให้ทำเช่นเดียวกัน
ด้านกาตาร์ออกมาประณามท่าทีของอิหร่าน และระบุว่ากาตาร์มีสิทธิตอบโต้ตามสมควร แม้รัฐมนตรีกลาโหมของกาตาร์จะให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีราว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสกัดกั้นขีปนาวุธที่มุ่งเป้ามายังฐานทัพอากาศอัล-อูเดอิดได้สำเร็จก็ตาม

เป้าหมายโจมตี "ฐานทัพอัล-อูเดอิด"
จุดที่ตกเป็นเป้าการโจมตีของอิหร่านครั้งนี้ คือ ฐานทัพอัล-อูเดอิด เป็นฐานทัพทหารที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง มีกำลังพลประจำการมากกว่า 8,000 นาย มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่งในภูมิภาค เนื่องจากเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการทางอากาศร่วม ซึ่งทำหน้าที่บัญชาการและควบคุมกำลังทางอากาศทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงเป็นที่ตั้งของกองบินส่งกำลังทางอากาศที่ 379 ซึ่งเป็นกองบินส่งกำลังที่ใหญ่ที่สุดในโลก
การโจมตีฐานทัพแห่งนี้ จึงถือเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญถึงความมุ่งมั่นของอิหร่านในการตอบโต้ แต่ขณะเดียวกันการแจ้งเตือนล่วงหน้าก็สะท้อนถึงเจตนาที่ไม่ต้องการยกระดับความตึงเครียด เช่นเดียวกับการยิงขีปนาวุธเป็นจำนวนเท่ากับระเบิดที่สหรัฐฯ ใช้โจมตี
หลังจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธไม่นาน บาห์เรน ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ สั่งปิดน่านฟ้าชั่วคราว ตามหลังกาตาร์ที่ปิดไปก่อน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามการบิน Flightradar24 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนเส้นทางบินจำนวนมากแถบอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางการบินหลักของสายการบินอย่างกาตาร์ แอร์เวย์ส (Qatar Airways) และ เอมิเรตส์ (Emirates) ซึ่งขนส่งผู้คนหลายหมื่นคนเชื่อมซีกโลกตะวันออกและตะวันตกในแต่ละวัน

"ปูติน" ชี้โจมตีอิหร่านเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผล
การโจมตีตอบโต้สหรัฐฯ ในครั้งนี้ของอิหร่าน มีขึ้นหลังวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เพิ่งจะต้อนรับอับบาส อารัคชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ที่หารือร่วมกันในกรุงมอสโก
ผู้นำรัสเซีย ระบุว่า การโจมตีอิหร่านเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลและไม่มีสิ่งใดมารองรับทั้งสิ้น ซึ่งรัสเซียแสดงจุดยืนดังกล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไปก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งระบุว่า รัสเซียจะช่วยเหลือชาวอิหร่าน แต่ไม่ได้หมายความว่าปูตินจะช่วยอิหร่านทางการทหาร
นอกจากนี้ ผู้นำรัสเซีย ยังระบุด้วยว่า ได้ต่อสายหารือประเด็นความขัดแย้งในตะวันออกกลางกับผู้นำสหรัฐอเมริกา อิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประธานาธิบดีอิหร่าน แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าการสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียเสนอเข้ามาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งดังกล่าว
อ่านข่าว : อิหร่าน-รัสเซียแน่นแฟ้น! "ปูติน" ให้คำมั่นพร้อมเคียงข้างยามวิกฤต
"กัมพูชา" ถกนัดแรกเตรียมเอกสารพื้นที่พิพาทยื่นศาลโลก
แท็กที่เกี่ยวข้อง: