ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ควานหา “ชายฝรั่งเศส” เร่งสางคดีฆาตกรรม “โทโมโกะ คาวาชิตะ”

อาชญากรรม
15:31
430
ควานหา “ชายฝรั่งเศส”  เร่งสางคดีฆาตกรรม “โทโมโกะ คาวาชิตะ”
อ่านให้ฟัง
09:01อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ทุก ๆ ปี ครอบครัวของ “โทโมโกะ คาวาชิตะ” จะเดินทางจากประเทศญี่ปุ่่นมายังประเทศไทย เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีฆาตกรรมลูกสาว ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 2550 ถือเป็นการติดตามคดีอย่างไม่เคยลดละของครอบครัวคาวาชิตะและรัฐบาลญี่ปุ่น แม้เวลาจะผ่านไปนานถึง 18 ปีที่แล้วก็ตาม และเหลือเพียงอีก 2 ปี คดีนี้จะหมดอายุความ

วันนี้ ( 25 มิ.ย.2568) กองคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ได้ประกาศตามหาพยานสำคัญสัญชาติฝรั่งเศส การสืบสวนที่ 6/2568 คดีฆาตกรรม “โทโมโกะ คาวาชิตะ” อีกครั้ง เนื่องจากข้อมูลทางการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลเป็นชายสัญชาติฝรั่งเศสเข้าไปเกี่ยวข้อง

และอาจมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนเกิดคดีฆาตกรรมดังกล่าว รวมทั้งมีการเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุในเวลาใกล้ชิดการเกิดเหตุ ที่อาจเห็นคนร้ายหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงกำหนดสินบนรางวัลจำนวน 2 ล้านบาท หากมาให้ถ้อยคำและสามารถชี้ช่องเบาะแสไปสู่การจับกุมคนร้ายดำเนินคดี

โทโมโกะ คาวาชิตะ ( Kawashita Tomoko) เป็นนักแสดงละครเวทีให้กับโรงละครคารัปปาเระอยู่ในจังหวัดโอซากะ ในวัย 27 ปี เธอเดินทางจากประเทศญี่ปุ่นมาเที่ยวประเทศไทย และหายตัวไประหว่างเดินทางท่องเที่ยวในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย

ข้อมูลระบุว่า ช่วงหัวค่ำ วันที่ 25 พ.ย.2550 โทโมโกะได้เช่าจักรยานเพื่อขี่ชมทิวทัศน์รอบ ๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จากนั้นจึงเดินทางไปยังวัดสะพานหิน เพื่อกราบไหว้สักการะพระ เมื่อเดินทางมาถึง โทโมโกะถูกคนร้ายซุ่มโจมตีและถูกใช้มีดปาดคอและลำตัวของเธอจนทำให้ร่างกายช็อกจากการเสียเลือดและเสียชีวิตในที่สุด

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบร่างของเธอถูกพบที่ทางขึ้นวัดสะพานหิน และสันนิษฐานว่า โทโมโกะพยายามขัดขืนการถูกดักชิงทรัพย์ของผู้ก่อเหตุและพยายามวิ่งหนีลงจากเขาและหกล้ม ทำให้คนร้ายใช้จังหวะนั้นก่อเหตุ ทำร้ายจนโทโมโกะเสียชีวิต หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจสภ.สุโขทัยได้ลงพื้นที่ทำคดีอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถจับกุมและหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้

ในปี 2556 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รับคดีการฆาตกรรมโทโมโกะเป็นคดีพิเศษ มีการตั้งค่าหัวคนร้ายถึง 2 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ จนกระทั่งอธิบดีดีเอสไอพ้นจากตำแหน่งไปแล้วถึง 10 คน (นับตั้งแต่ปี 2550)แต่คดียังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

ปี 2559 ดีเอสไอได้ยุติการสืบสวนและสอบสวนคดีโทโมโกะไว้ชั่วคราว เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า แต่ทางครอบครัวโดยเฉพาะบิดา-มารดาของโทโมโกะ ไม่เคยหยุดตามหาความยุติธรรมคืนให้ลูกสาว

ปี 2562 กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยุคพ.ต.อ.กรวัชร์ ปานประภากร เป็นอธิบดีดีเอสไอ ได้รับมอบหมายจาก “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ในขณะนั้น ให้ลงพื้นที่เกิดเหตุที่จ.สุโขทัย เพื่อทำคดีอย่างเข้มข้นอีกครั้ง โดยครั้งนั้นได้มีการจำกัดวงรัศมีในการค้นหาผู้ต้องสงสัย 200 เมตรจากจุดที่ค้นพบร่างของโทโมโกะ

มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอคนไทยเพื่อนำไปเทียบกับวัตถุพยาน ถึง 400 คน แต่ก็ไม่พบผู้ต้องสงสัย ขณะที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการนัดสอบปากคำพยานที่ให้ข้อมูลว่า เคยได้ยินบุคคลในฟาร์มหมูพูดถึงการนำมีดเล่มหนึ่งแทงคนอื่นเสียชีวิตมาก่อน เมื่อเดินทางไปตรวจสอบฟาร์มหมูดังกล่าวพบว่าได้ปิดกิจการลงแล้ว

ส่วนผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวพบว่า เสียชีวิตเมื่อปี 2553 และเมื่อนำดีเอ็นเอไปตรวจสอบ ก็ไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่พบบนร่างของโทโมโกะ อีกทั้ง การสกัดดีเอ็นเอจากกระดูกก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากศพถูกเผาในอุณหภูมิกว่า 900 องศา เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเก็บดีเอ็นเอของพี่สาวและลูกชายของผู้ต้องสงสัย มาตรวจเปรียบเทียบแทน แต่ไม่พบความเกี่ยว ข้อง

นอกจากนี้ ได้มีการเก็บดีเอ็นเอ็นบนขอบกางเกงของโทโมโกะไปตรวจ พบว่า ตรงกับกลุ่มประเทศ 7 กลุ่มได้แก่ ออสโตร-เอเชียติก เอสโตเนียน ดราวิเดียน อินโด-แปซิฟิก เจแปนิส โคเรียน และไทเคได แต่ผลดีเอ็นเอที่พบบทกางเกงของโทโมโกะไม่สมบูรณ์ จากโครโมโซมของมนุษย์ที่มีอยู่ 23 คู่ สามารถเก็บได้อย่างสมบูรณ์อยู่ 3 จุด

สุดท้ายจึงต้องปิดคดี เนื่องจากผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ออกมาว่าผู้ก่อเหตุนั้นไม่ใช่คนไทย

ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) โดยกองคดีความมั่นคง มีการประกาศตามหาพยานสำคัญสัญชาติฝรั่งเศส การสืบสวนที่ 6/2568 คดีฆาตกรรม “โทโมโกะ คาวาชิตะ” อีกครั้ง เนื่องจากทางการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลเป็นชายสัญชาติฝรั่งเศสเข้าไปเกี่ยวข้อง

และอาจมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนเกิดคดีฆาตกรรมโทโมโกะ รวมทั้งมีการเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ ในเวลาใกล้เคียงกับช่วงที่เกิดเหตุ และอาจเห็นคนร้ายหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดีเอสไอจึงกำหนดสินบนรางวัลจำนวน 2 ล้านบาท หากมาให้ถ้อยคำและสามารถชี้ช่องเบาะแสเพื่อนำไปสู่การจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

สำหรับตำหนิรูปพรรณของชายคนดังกล่าว เป็นคนยุโรป อายุในขณะนั้น ประมาณ 35 – 40 ปี (ปัจจุบันอายุประมาณ 53 - 58 ปี) แต่งกายด้วยเสื้อยืดคอกลม สีดำ กางเกงขาสั้นผ้าร่ม สีดำ รูปร่างสูง ผอม (ส่วนสูงประมาณ 170 - 180 ซม.) ผิวขาว ใบหน้ารูปวงรี ทรงผมสั้นสกินเฮดเท่ากันทั่วศีรษะ สีดำหรือน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ

สังเกตเห็นโหนกแก้มเด่นชัด คิ้วสีดำ จมูกโด่ง ไว้เคราสีดำ ความยาวไม่เกินหนึ่งข้อนิ้ว มีสันโค้งชัดเจน สังเกตไม่เห็นรอยสัก และไม่มีการใส่ต่างหู พูดภาษาอังกฤษแต่มีสำเนียงแบบชาวฝรั่งเศส

โดยพบข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2550 เวลาประมาณ 07.00 - 08.00 น. ชายดังกล่าว ได้มาเช่ารถ จักรยานยนต์จากร้าน Coffee Club ในตัวเมืองสุโขทัย เป็นรถยี่ห้อ Honda Click สีฟ้าลายดำ เพื่อใช้เป็นพาหนะในการท่องเที่ยว ในเขตเมืองเก่าสุโขทัย และใช้หนังสือเดินทางวางเป็นหลักประกันการเช่ารถโดยทางร้านมิได้ถ่ายสำเนาเอกสารไว้

ชายคนนี้อาจเดินทางมากับหรือพบกับหญิงชาวยุโรปซึ่งเชื่อว่าอาจเป็นคู่รัก โดยมีลักษณะเด่นคือ ผมสีทอง เป็นลอนยาวถึงระดับหัวไหล่ถึงกลางหลัง ปล่อยผม ไม่ได้มัด สวมเสื้อกล้ามสายเดี่ยวสีขาว สวมกระโปรงบานยาว ถึงข้อเท้า ลักษณะคล้ายผ้ามัดย้อมสีเหลือง

โดยคาดว่าชายคนนี้เคยพักอยู่ที่ Old City Guesthouse หรือ Witoon Guesthouse บริเวณถนนจรดวิถีถ่อง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย คาดว่าอาจเดินทางออกจากจ.สุโขทัย ไปยังจ.เชียงใหม่ ด้วยรถโดยสารประจำทาง ในวันที่ 25 หรือ 26 พ.ย. 2550

และหากบุคคลดังกล่าวเข้าพบคณะพนักงานสืบสวนและให้ข้อมูลเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้าย จะมีสิทธิได้รับสินบนรางวัล จำนวน 2 ล้านบาท

อ่านข่าว

ทั่วโลกเสียท่า 8 ล้านล้านบาท “กลโกงแบบใหม่” ภัยคอลเซนเตอร์

AI Chatbot "พี่คุ้มครองฯ" ที่ปรึกษาทุกข์ “ชาวบ้าน” ด้านกฎหมาย