ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทั่วโลกเสียท่า 8 ล้านล้านบาท “กลโกงแบบใหม่” ภัยคอลเซนเตอร์

อาชญากรรม
14:55
338
ทั่วโลกเสียท่า 8 ล้านล้านบาท “กลโกงแบบใหม่” ภัยคอลเซนเตอร์
อ่านให้ฟัง
08:31อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

ข้อมูลสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ระบุ ปัจจุบันมีการขึ้นบัญชีม้าไว้ประมาณ 1 แสนบัญชี และยังตรวจสอบพบว่า คน ๆ หนึ่งไม่ได้มีแค่บัญชีเดียว แต่ได้มีการเปิดไว้ถึง 50 บัญชี ขณะนี้มีบัญชีม้าที่ถูกแขวนอยู่ในระบบประมาณ 700,000 บัญชี

แก๊งคอลเซนเตอร์จะจัดส่งบัญชีเหล่านี้ ให้บริษัทพาร์ทเนอร์ด้านการเงินของแก็งคอลฯ ที่ตั้งอยู่ในแนวตะเข็บชายแดนไทย-ประเทศเพื่อนบ้าน ในอัตราส่วน 70:30 จากนั้นจึงแปลง “เงินสด” ที่ได้จากการหลอกลวง เป็นสกุลเงินดิจิทัล บิตคอยน์ เพื่อให้ยากต่อการติดตามทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหาย

ขณะที่ รายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชา ชาติ (UNODC) ชี้ว่า เมืองสีหนุวิลล์ กัมพูชา กลายเป็นแหล่งซ่องสุมหลักของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และฐานปฏิบัติการของมิจฉาชีพหลายแห่งตามแนวชายแดนกัมพูชา – ไทย และเป็นศูนย์กลางการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา

เมืองชายแดนอย่าง ปอยเปต จ.บันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ฝั่งตรงข้ามด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วของไทย ได้กลายเป็นฐานยุทธศาสตร์ สำหรับเครือข่ายอาชญากรที่ต้องการเจาะตลาดไทยด้วยเช่นกัน

สอดคล้องกับ ข้อมูลของ “สารวัตรแจ๊ะ” หรือ พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติท กล่าวในงานสัมมนาวิชาการเรื่อง รู้ว่าหลอก จะได้ไม่โดน "คอลเซนเตอร์" หลอก จัดโดยสำนักงานอัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยในหลายช่วงตอนมีประเด็นที่น่าสนใจ

“การย้ายฐานทัพของแก๊งคอลเซนเตอร์ ไปอยู่ที่กัมพูชา และเมียนมา ทำให้การปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ยากลำบากขึ้น ในยุคก่อน หากสืบทราบว่าตึกตรงนี้เป็นฐานที่ตั้งของแก๊งคอลเซนเตอร์ วันรุ่งขึ้นไปขอศาลออกหมายจับได้เลย แต่เมื่อมันย้ายไปอยู่ต่างแดน ตำรวจไม่มีอำนาจเข้าไปจับกุม ได้เนื่องจากอยู่นอกอาณาเขตของประเทศไทย แม้จะทราบว่าเป็นตึก call center ก็ตาม”

ปัญหาและอุปสรรคที่พบ ไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมาย แต่ พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ บอกว่า เป็นปัญหาการประสานงานในระดับผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ บางคดีทราบตั้งแต่ต้นเดือน แต่กว่าจะติดต่อเพื่อเข้าปฏิบัติการได้เกือบปลายเดือน มากกว่านั้น คือ หลังมีการประสานเจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาได้แล้ว จึงได้เข้าไปตรวจค้น แต่กลับพบเพียงตึกเปล่าๆ เพราะข่าวรั่ว เมื่อตรวจสอบพบมีประตูที่สามารถออกทางด้านหลัง

หรือบางครั้งแก๊งคอลเซนเตอร์เหล่านี้ จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเขตคาสิโนหรือพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ข้อกฎหมายในบ้านเขาค่อนข้างสลับซับซ้อน บางทีไปเจอเขานั่งพิมพ์คอม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำตัวออกมาได้ เพราะพวกเขาไม่มีหมายจับจากทางการไทย

“โจทก์ของผู้ปฏิบัติงานจะยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการจะได้หมายจับ ต้องพิสูจน์ว่าคนที่อยู่ในแก๊ง คือ คอลเซนเตอร์จริง ๆ ...การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยวิธีปกติไม่สามารถทำได้ ต้องใช้กระบวนการพิเศษเท่านั้น ต้องเสี่ยงชีวิตของสายลับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น อาคาร หรือตึกนี้มี 100 คน เราจับได้เพียง 20 อีก 80 คน ไม่มีหมายจับ เราทำอะไรไม่ได้ การปราบปรามไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ทางฝ่ายไทย แต่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก” พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ ย้ำ

การหยั่งรากฝังลึกของกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ภายในกัมพูชา เป็น การหลอกลวงที่ไร้พรมแดน จึงทำให้การปราบทำได้ยาก ขณะที่การพัฒนาการเจริญเติบโตของแก๊งคอลเซนเตอร์ทำได้ง่าย และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน call center กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ประเภทหนึ่ง

“มันมีการพัฒนาระบบ เป็นบริษัทเอกชน บริษัทหนึ่ง แต่ละตึกมีครบวงจร ตั้งแต่ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายบุคคลหรือ HR ฝ่ายไอทีหลังบ้านเจาะข้อมูล/ดึงข้อมูล ของคนไทย/ ฝ่ายทำอาหาร /ฝ่ายรักษาความปลอดภัย/ และฝ่ายที่มีการดีลกับทางด้านหลัง นี่คือโครงสร้างภายนอก”

โดยระบบภายในจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบการปกครองพนักงาน เดิมจากกลุ่มคอลเซนเตอร์ที่เคยโดนกักขังหรือถูกหลอกลวงข้ามแดน จะหนีกลับมา แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่ เต็มใจเดินทางการข้ามไปทำงานและจะมีสัญญาเทอมละ 6 เดือน หากจะกลับไทยจะต้องเสียค่าไถ่ตัว ใครหนีจะถูกทำร้ายทุบตี

พวกนี้จะถูกส่งไปทำงานในตึกชั้น 25 ของประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ไม่สามารถออกไปไหนได้ พนักงานคนใดที่ทำยอดได้ไม่ถึงจะถูกลงโทษ คนคุมจะมีจิต วิทยาในการกดดัน เช่น นำไปขังในห้องน้ำ ให้ดื่มน้ำในส้วม ไม่ให้รับประทานอาหาร ห้ามใช้โทรศัพท์ หากใครแข็งข้อก่อม็อบ หรือก่อหวอด จะถูกทุบตีทำร้ายร่างกาย หรือถูกช็อตไฟฟ้า หรือถูกขายส่งออกไปยังจังหวัดชายแดนกัมพูชาที่ติดกับประเทศที่ 3

ส่วนพนักงานที่สามารถทำยอดได้ดี หลอกลวงเหยื่อได้ 10 ล้านบาท จะได้รับแจกโทรศัพท์ iPhone เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนอยากไปทำงาน โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบการปกครอง มีการปล่อยพัก เพราะ

เขามีการศึกษาว่า กลุ่มคอลเซนเตอร์ที่ถูกกักขัง มักจะมีความเครียด ทำยอดได้ไม่ดี แต่ถ้าปล่อยเลิกงาน ช่วงเวลา 20:00-21:00 น. อนุญาตให้ไปเที่ยวเตร่ดื่มกินจะสามารถทำยอดหลอกลวงได้ดีกว่า

ข้อมูลจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล ระบุว่า call center ที่อยู่ติดกับชายแดนหลายๆ สาขา และหลายๆบริษัท จึงปล่อยให้พนักงานพัก และหลายบริษัทได้มีการแตกแขนงสาขา ให้พนักงานใหม่ที่เพิ่งข้ามแดนไปทำงานอยู่ที่ตึก 25 ชั้น แต่หลังผ่านการทดลองงานแล้วจะไม่ถูกกักขัง สามารถย้ายไปอยู่สาขาอื่นได้

“พวก call center ไม่ได้พัฒนาแค่ระบบการหลอก แต่บริษัทของเขา ยังมีการพัฒนาระบบการเงิน มีการมีใช้บัญชีม้า และบัญชีม้าจะถูกนำไปใช้เป็นบัญชีหลักในการหลอกลวง ในหลายรูปแบบ ทั้งโทรหลอกลวง หลอกให้รัก ลงทุน ทำธุรกิจ จึงทำให้แก๊งคอล ฯ ต้องเพิ่มบริษัทการเงินให้มาเป็นหุ้นส่วน หรือ partner “ พ.ต.ต. ธัญพีรสิษฐ์ กล่าว

ในอดีตบริษัทคอลเซนเตอร์จะต้องมี บัญชีม้าเป็นของตัวเอง แต่ในยุคปัจจุบันการสแกนใบหน้า การจัดหา ลำเลียงคนทำได้ยาก จึงมีการจ้างบริษัทหุ้นส่วนที่ตั้งอยู่ในแนวตะเข็บชายแดน รอรับเงินที่โอนเข้ามาแปลงเป็นสกุลเงินดิจิตอล โดยคนไทยวางระบบและขายไอเดียในการพัฒนาให้

โดยแก๊งคอลเซนเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านสามารถหลอกลวงคนไทยได้ถึงปีละ 20,000 ล้านบาท และการหลอกถูกจำกัดด้วยเพดานตัวเลขแล้ว แม้อัตราเฉลี่ยการถูกหลอกยังอยู่ที่วันละ 800-900 คน

ดังนั้นจึงตั้งฐานหลอกลวงลาไปยังประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก พบว่า ในแต่ละปีมูลค่าเสียหายจากการถูกหลอกอยู่ที่ประมาณ 8 ล้านล้านบาท

อ่านข่าว

AI Chatbot "พี่คุ้มครองฯ" ที่ปรึกษาทุกข์ “ชาวบ้าน” ด้านกฎหมาย

เปิดเอกสารกรมบัญชีกลาง “ชัด” ตึก สตง.ขัดระเบียบจัดซื้อ-จัดจ้าง

ติดจรวด 4 คดี กฎหมายไล่ล่า "แพทองธาร" หลังสิ้นเสียงคลิป