หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ประกาศยกระดับแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยการตัดไฟฟ้าและระงับส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา ซึ่งถูกนำไปใช้ทำผิดกฎหมาย โดยอ้างอิงข้อมูลขององค์การสหประชาชาติที่ชี้ว่ากัมพูชาเป็นแหล่งศูนย์รวมอาชญากรรมระดับโลก
สื่อกัมพูชารายงาน "กัมพูชา" ไม่ใช่ศูนย์กลางอาชญากรรมโลก
สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส เผยแพร่บทความ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่กล่าวโจมตีกัมพูชาว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมระดับโลก และระบุว่าร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของกัมพูชามาจากการหลอกลวงทางโทรคมนาคม ซึ่งเป็นการอ้างข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ โดยระบุว่า คำกล่าวนี้ไม่เพียงแต่ไม่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นการไม่ยั้งคิดและเป็นอันตรายต่อความร่วมมือในภูมิภาค
พร้อมแจกแจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า กัมพูชาไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับอาชญากรทางไซเบอร์และไม่มีข้อมูลที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวเป็นการกุขึ้นเพื่อบิดเบือนความจริงอย่างร้ายแรงและบั่นทอนความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของกัมพูชาและพันธมิตรรวมถึงประเทศไทย

GDP กัมพูชานั้นขับเคลื่อนโดยภาคส่วนต่างๆ เช่น การผลิต การเกษตร การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และบริการ ส่วนปัญหาการหลอกลวงทางโทรคมนาคมนั้น แม้ว่าจะเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ใช่รายได้หลัก ของประเทศ โดยหากรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร มีข้อมูลที่แท้จริงก็ควรเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวต่อประชาคมโลกอย่างโปร่งใส พร้อมชี้ว่านี่ถือเป็นเพียงการแสดงท่าทีทางการเมืองเท่านั้น โดยใช้กัมพูชาเป็นแพะรับบาปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความท้าทายภายในประเทศของไทย
นอกจากนี้ สำนักข่าวดังกล่าวยังระบุว่า กัมพูชาจริงจังกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา ได้ปราบปรามปัญหาดังกล่าวอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติและอาชญากรรมข้ามพรมแดน โดยมีการจับกุมหรือเนรเทศผู้คนหลายพันคน และยังระบุว่าไทยควรแก้ปัญหาของตนเองก่อน เนื่องจากกลุ่มอาชญากรจำนวนมากที่ดำเนินการในกัมพูชาล้วนถูกบริหารหรือมีเจ้าหน้าที่เป็นคนไทย และอาชญากรทางไซเบอร์ชั้นนำบางคนที่ถูกจับกุมในกัมพูชาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาถือหนังสือเดินทางไทย หากไทยจริงจังที่จะยุติปัญหาการหลอกลวงนี้ ไทยจะต้องทำความสะอาดบ้านของตนเอง ซึ่งรวมถึงบุคคลที่มีอำนาจและเครือข่ายทุจริตภายในดินแดนของตนเองด้วย
นอกจากนี้ยังระบุว่า การกล่าวหาประเทศเพื่อนบ้านว่าเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมระดับโลกโดยไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เป็นการหมิ่นประมาท คำพูดดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะทำลายความสามัคคีของอาเซียน และความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทยในช่วงเวลาที่ความร่วมมือมีความสำคัญมากกว่าที่เคย
"ฮุน มาเนต" ประกาศกร้าวปิดด่านจนกว่าไทยจะเปิดก่อน
สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส ยังรายงานว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศกร้าวว่า จุดผ่านแดนของกัมพูชาที่ปิดอยู่นั้นจะยังคงปิดถาวร เว้นแต่ไทยจะตกลงเปิดด่านทั้งหมดพร้อมกัน เหมือนกับก่อนวันที่ 7 มิ.ย.กัมพูชาจึงจะพิจารณาเปิดด่านอีกครั้ง

นอกจากนี้นายกฯกัมพูชายังระบุว่า กัมพูชาจะไม่เจรจากับไทยเกี่ยวกับการเปิดจุดผ่านแดนอีกครั้ง เนื่องจากไทยได้ดำเนินการฝ่ายเดียว จึงต้องเปิดด่านเองก่อน จากนั้นกัมพูชาจึงจะดำเนินการตาม ซึ่งหากไทยเปิดด่านอีกครั้งกัมพูชาจะตอบสนอง (Reciprocate) ภายใน 5 ชม.ซึ่งการเปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดให้กลับมาดำเนินการตามปกติจะสะท้อนถึงความปรารถนาดีและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แต่ตราบใดที่ไทยปฏิเสธที่จะดำเนินการก่อน กัมพูชาจะไม่เข้าร่วมการเจรจาในรูปแบบใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ เจบีซี
โฆษกฮุน เซน ชี้ "สมคิด" ยื่นฟ้องเพื่อปิดความอับอายนายกฯ
ขณะที่สำนักข่าวเฟรชนิวส์ รายงานอ้างคำพูดของโฆษกสมเด็จฮุน เซนประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งกล่าวถึงนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ที่ได้ดำเนินการยื่นฟ้องสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาจากกรณีการปล่อยคลิปเสียงสนทนา ระหว่างสมเด็จฮุน เซน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการเล่นเกมแบบเด็ก ๆ หลอกลวงประชาชนเพื่อปกป้องและปกปิดความอับอายและความอ่อนแอของนายกฯ

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่แจ้งความดำเนินคดีสมเด็นฮุน เซน กระทำความผิดต่อกฎหมายไทย กรณีการเผยแพร่คลิปเสียงอ้างสั่งล่านักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกัมพูชาและคนที่เห็นต่างในประเทศไทย โดยโฆษกสมเด็จฮุน เซน ระบุว่า อย่าพยายามใช้ประโยชน์จากความนิยมของสมเด็จฮุน เซน เพื่อดึงดูดความสนใจ เนื่องจากจะไม่ได้ผล เพราะกำลังทำการเมืองแบบประชานิยมและจะประสบความสำเร็จได้ด้วยการโกหกและหลอกลวงเท่านั้น
"ฮุน มาเนต" ลงพื้นที่เยี่ยมกองทัพ-ประชาชนแนวหน้า
ขณะที่ความเคลื่อนไหวในเพจเฟซบุ๊กของฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาเผยแพร่ภาพขณะลงพื้นที่เยี่ยมชมกองกำลังทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่แนวหน้าในจังหวัดพระวิหาร นอกจากนี้ยังลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของชาวกัมพูชาที่อพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่ จ.พระวิหาร โดยสมัครใจ โดยปัจจุบันศูนย์ดังกล่าวรองรับครอบครัวกว่า 1,282 ครอบครัว หรือกว่า 3,850 คน

ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน โดยโพสต์คลิปวิดีโอโปรโมทเพลงประกอบละคร "ลูกชายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ" ที่ถูกฉายขึ้นจอของกัมพูชาแทนที่ละครของไทยที่ถูกแบนไป นับตั้งแต่ที่สถานการณ์ความขัดแย้งตึงเครียดขึ้น
อ่านข่าว : กองทัพยกระดับควบคุมผ่านแดนไทย-กัมพูชา "ทุกจังหวัด"
"กัมพูชา" ถกนัดแรกเตรียมเอกสารพื้นที่พิพาทยื่นศาลโลก
ทั่วโลกเสียท่า 8 ล้านล้านบาท “กลโกงแบบใหม่” ภัยคอลเซนเตอร์