ด้านกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกมาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยออกมาเตือนให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางมาไทย รวมทั้งเปิดเผยถึงการยื่นหนังสือประท้วง หลังฝั่งไทยมีการยื่นฟ้องสมเด็จฮุน เซน กรณีปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่างฮุน เซน และนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร
- เช็กพื้นที่ชุมนุม 28 มิ.ย. ไม่ไล่นายกฯ แต่มาแสดงความรักชาติ-ปกป้องอธิปไตย
- นักท่องเที่ยวเยี่ยม "ปราสาทตาเมือนธม" ให้กำลังใจทหาร
- กต.เตือนคนไทยในกัมพูชา เลี่ยงเข้าใกล้จุดชุมนุม-พื้นที่เสี่ยง
กัมพูชาแนะพลเมืองหลีกเลี่ยงเดินทางมาไทย หากไม่จำเป็น
สำนักข่าวขแมร์ ไทม์ส รายงานว่า วานนี้ (22 มิ.ย.68) เมื่อเวลา 20.00 น. กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ แนะนำให้พลเมืองกัมพูชาหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศเทศ เว้นแต่มีความจำเป็นจริง ๆ สืบเนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศในตอนนี้
นอกจากนี้ ยังเตือนให้พลเมืองกัมพูชาและแรงงานทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ระมัดระวังเป็นพิเศษ คอยติดต่อข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการอย่างใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่ออันตราย เช่น การรวมตัว และการชุมนุมทุกประเภท
กรณีที่พลเมืองกัมพูชา และคนงานทุกประเภทต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน โปรดติดต่อสถานทูตกัมพูชาหรือสถานกงสุลใหญ่ในประเทศไทย
กัมพูชายื่นหนังสือประท้วงไทยกรณีแจ้งความ "ฮุน เซน"
นอกจากนี้สถานีโทรทัศน์ทีวีเค ของกัมพูชา เปิดเผยภาพหนังสือทางการทูตที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ยื่นประท้วงไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญ ต่อกรณีที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ได้ดำเนินการยื่นฟ้องสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จากกรณีการปล่อยคลิปเสียงสนทนา ระหว่างฮุน เซน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ระบุว่า ขอประท้วงการกระทำดังกล่าวของนายสมคิดอย่างรุนแรง พร้อมเน้นย้ำว่า การบันทึกการหารือ ระหว่างผู้นำประเทศถือเป็นแนวปฏิบัติตามมาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการทูต ความมั่นคงของชาติ หรือความร่วมมือทวิภาคี และจุดประสงค์ของการบันทึกนี้ก็เพื่อความถูกต้องและความโปร่งใสในการสื่อสาร และเพื่อสนับสนุนความรับผิดชอบในหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณะ

รัฐบาลกัมพูชาถือว่า การร้องเรียนของนายสมคิดเป็นการกระทำที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างไม่สมควรระหว่างกัมพูชาและไทยมากยิ่งขึ้น
ความพยายามที่จะเริ่มดำเนินคดีทางกฎหมายภายในประเทศกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยในเรื่องที่เกี่ยวกับข้องกับการกระทำที่ดำเนินการในการปฏิบัติหน้าที่สาธารณะ ถือเป็นการทำลายหลักการความเท่าเทียมกันของอำนาจอธิปไตย และการเคารพซึ่งกันและกันซึ่งบัญญัติไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ
นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ที่น่าเสียใจครั้งนี้ และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ เพิ่มเติม ที่จะส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์อันยาวนานและเป็นมิตรระหว่าง 2 ประเทศ
"กัมพูชา" ยืนยันมีศักยภาพจัดหาเชื้อเพลิงเองได้
ขณะเดียวกัน ด้านกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานกัมพูชา ออกแถลงการณ์ กรณีระงับการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊สเมื่อเวลาเที่ยงคืน (24.00 น.)ที่ผ่านมา พร้อมทั้งยืนยันว่า กัมพูชามีศักยภาพที่จะจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและแก๊สให้เพียงพอสำหรับความต้องการภายในประเทศ
ขณะที่สำนักข่าวแขมร์ ไทม์ส เผยแพร่บทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ประจำกรุงพนมเปญ ซึ่งกล่าวถึงบทความเกี่ยวกับยุทธศาสตร์เดิน 2 ขาของฮุน เซน มุ่งเป้าสร้างความไม่มั่นคงให้ไทย (Hun Sen’s ‘two-pronged strategy’ aims to destabilise Thailand,) ที่ตีพิมพ์โดยสำนักข่าวในไทย (Nation Thailand) โดยนักวิเคราะห์ ระบุว่า นอกจากจะสร้างความเข้าใจผิดแล้ว ยังเป็นการกล่าวหากัมพูชาอย่างไร้ความรับผิดชอบว่า วางแผนสร้างความไม่มั่นคงในภูมิภาคและความไม่สงบภายในประเทศไทย โดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งทั้งไม่ถูกต้องและอันตรายต่อจิตวิญญาณของความสามัคคีและสันติภาพอาเซียนด้วย

นักวิเคราะห์ ระบุว่า บทความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า กัมพูชากำลังลากไทยเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ผ่านศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจริง ๆ การใช้กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการพยายามยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ แต่เป็นวิธีการอย่างสันติในการแก้ไขข้อพิพาท
ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า กัมพูชาอยู่เบื้องหลังการปล่อยคลิปเสียง และการจัดการควบคุมสื่อเพื่อทำให้ผู้นำไทยอ่อนแอลง ก็เป็นเพียงการคาดเดาล้วน ๆ พร้อมทั้งตั้งคำถามว่ากัมพูชาจะมีผลประโยชน์อะไรในการทำให้รัฐบาลที่มีความสัมพันธ์ยังดีอยู่จนถึงตอนนี้ อ่อนแอลง
พร้อมทั้งระบุด้วยว่า ปัญหาภายในของไทย ไม่ใช่ฝีมือของกัมพูชา การเคลื่อนไหวทางการเมืองไทย รวมถึงการประท้วง ไปจนถึงการเรียกร้องให้เลือกตั้งก่อนกำหนด เกิดจากความตึงเครียดที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปีระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ความไม่เท่าเทียมกันในภูมิภาค
รวมถึงความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของพลเมืองไทยรุ่นใหม่ ซึ่งการโยนความผิดให้กัมพูชาเกี่ยวกับปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ถือเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เป็นการหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับความเป็นจริงภายในประเทศ และเป็นการกล่าวหากัมพูชาอย่างไม่เป็นธรรม
อ่านข่าว : กองทัพภาคที่ 2 สั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้า "ช่องสายตะกู"
“ด่านช่องจอม” เงียบ รถบรรทุกพ่วงกว่า 70 คัน รอขนมันกลับจากกัมพูชา
พ่อค้าแม่ค้ารายได้ลดฮวบ หลังปิดด่านช่องสายตะกู ต้องหันมาขายของหน้าบ้านแทน