วันนี้ (3 ก.ค.2568) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมหาข้อเท็จจริง 2 คลิปเสียง ทั้งกรณีบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กับ สมเด็จฮุนเซน และคลิปที่มีการสั่งติดตามคนกัมพูชา บนแผ่นดินไทย ที่มีข้อสงสัยว่าจะเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจที่อยู่ในกัมพูชา
น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมาธิการ กล่าวว่า ประเด็นที่ถูกพูดถึงในที่ประชุมวันนี้มากที่สุด คือกรณีคลิปเสียงคล้ายสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา สั่งการให้นายเคลียง ฮวด ไล่ล่าชาวกัมพูชาที่มีความเห็นต่างในประเทศไทย โดยกรรมาธิการได้เชิญนายพร พันนา นักเคลื่อนไหวที่มีชื่อปรากฏอยู่ในคลิปเสียง ซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และนายสวน จำเริญ ที่ลี้ภัยอยู่นิวซีแลนด์ วีดิโอคอนเฟอร์เร้นท์มาให้ข้อมูล ว่า ถูกทำร้ายหลังลี้ภัยมาประเทศไทย สอดคล้องกับคลิปเสียงที่ต้องการให้นายเคลียง ฮวด ไล่ล่าชาวกัมพูชาผู้ที่เห็นต่างในไทย
ขณะเดียวกันยังได้รับข้อมูลจาก น.ส.พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ นักสิทธิมนุษยชน ว่า มีความเป็นไปได้ที่มีการแลกเปลี่ยนการจับกุมตัวผู้ลี้ภัย ระหว่างทางการไทยและกัมพูชา และนายเคลียง ฮวด อาจมีบัตรประชาชนหรือสัญชาติไทย หรือมีทรัพย์สินอยู่ในประเทศไทย ซึ่งกรรมาธิการจะติดตามตรวจสอบต่อไป

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อด้วยว่า กรรมาธิการเห็นว่า นอกจากจะดำเนินการกับสมเด็จฮุนเซนด้วยกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว ยังสามารถเอาผิดตามหมวด 3 ของกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ทำให้อำนาจอธิปไตยส่วนหนึ่งส่วนใดสูญเสียให้รัฐบาลต่างชาติ ทำให้ผู้นำต่างชาติเข้ามามีปฏิบัติการในประเทศไทย
นอกจากผิดกฎหมายอาญาแล้ว ยังเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งต้องดำเนินการกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในคดีนี้ด้วยหรือไม่
ส่วนการดำเนินการในระดับกฎหมายระหว่างประเทศกับสมเด็จฮุนเซน น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่ามีการศึกษาพิจารณาอยู่ แต่ต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิป
ขณะที่เจ้าหน้าตำรวจ ยอมรับว่า จะนำคลิปเสียงไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ว่า เป็นเสียงของสมเด็จฮุนเซนจริงหรือไม่ เพื่อนำเข้าสู่สำนวนคดีต่อไป
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องหรือร่วมมือกับนายเคลียง ฮวด แต่ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติยอมรับว่า มีปฏิบัติการของต่างชาติเข้ามาเป็นภัยคุกคาม ตามล่าคนสัญชาติเขาในประเทศไทยจริง ซึ่งเรื่องนี้ สมช.มองว่าเป็นภัยคุกคาม แต่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากพอ จึงไม่ทราบว่าปฏิบัติการเหล่านี้มีความร่วมมืออย่างไม่เป็นทางการกับหน่วยงานราชการของไทยหรือไม่

ส่วนกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน และ น.ส.แพทองธาร นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า กรรมาธิการไม่แน่ใจว่า จะมีคลิปสนทนาส่วนตัว ของ น.ส.แพทองธาร กับผู้นำต่างชาติอื่นอีกหรือไม่ หากมีต้องแจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบรับทราบ เพื่อเตรียมความพร้อม เนื่องจากกรรมาธิการ มีความไม่สบายใจอย่างยิ่งว่าอาจมีคลิปเสียงที่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือกระทบความมั่นคงระหว่างประเทศ ที่เกิดจากการดำเนินการทางการทูตที่ไม่ถูกต้องของ น.ส.แพทองธาร โดยได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่าการสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีฝรั่งเศส ไม่ได้เป็นไปตามทางการทูตเช่นเดียวกัน
ด้านนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ กรรมาธิการฯ กล่าวว่า จะส่งข้อมูลไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้หาข้อเท็จจริงเรื่องของนายเคลียง ฮวด ว่า เป็นคนไทย มีบัตรประชาชน และทรัพย์สินในไทยหรือไม่ พร้อมขอข้อมูลบันทึกการเข้า-ออกประเทศไทยด้วย จากนั้นจะขยายผลหาข้อเท็จจริงการถูกทำร้ายร่างกายของชาวกัมพูชาที่มาให้ข้อมูลต่อกับกรรมาธิการวันนี้ รวมไปถึงการเสียชีวิตของนายลิม กิมยา พร้อมทำหนังสือเชิญถึง น.ส.แพทองธาร มาชี้แจงต่อกรรมาธิการอีกครั้ง เพราะกรณีคลิปเสียงสนทนา ไม่สามารถมีใครชี้แจงแทนได้
อ่านข่าว : "พิเชษฐ์" ชิงปิดประชุมสภาฯ ก่อนล่ม หลัง สส.พปชร.ขอนับองค์ประชุม
"ชูศักดิ์" รับ คิดถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
“อนุทิน” ปัดข่าว “นายกฯ ชั่วคราว” เงื่อนไข “ค่ายสีส้ม” ได้ไม่คุ้มเสีย