วันนี้ (4 ก.ค.2568) วันนี้ เวลา 09.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งกางการเมืองมีคำสั่งที่นัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568
อัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ และทนายจำเลยมาศาล ส่วนจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลไม่มาฟังการพิจารณา ศาลไต่สวนพยานได้ 5 ปาก
ให้เลื่อนไปไต่สวนในวันที่ 8 ก.ค.2568 เวลา 09.00 น. ตามที่นัดไว้เดิม
อนึ่ง มีการนำข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของพยานซึ่งศาลไต่สวนในนัดก่อนออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในลักษณะคำต่อคำผ่านสื่อช่องทางต่างๆ ซึ่งอาจทำให้พยานบุคคลที่จะมาเบิกความในลำดับถัดไปทราบข้อเท็จจริงที่พยานคนก่อนได้เบิกความไว้ และอาจทำให้ศาลไต่สวนแล้วได้ข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมถึงอาจมีการนำคำเบิกความของพยานดังกล่าวไปวิเคราะห์หรือให้ความเห็นในทางคดี จนก่อให้เกิดความสับสนแก่สังคมได้ ประกอบกับข้อมูลด้านสุขภาพของจำเลยเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ศาลให้คู่ความและผู้เข้าฟังการพิจารณาคดีงดเว้นการเผยแพร่โฆษณาคำเบิกความพยานบุคคลและพยานเอกสารที่ศาลไต่สวน
ทั้งนี้ในวันนี้ศาลไต่สวนพยาน 5 ปาก คือ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ , นพ.นทพร ปิยะสิน แพทย์เวรทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่ส่งตัวนายทักษิณ โรงพยาบาลตำรวจ , นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพ , น.ส.จิราพร มีนวลชื่น ,น.ส.ณิชามล มากจันทร์ พยาบาลวิชาชีพ ปฏิบัติการประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งการไต่สวน พยานทั้งหมดใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
การไต่สวนเริ่มจาก พญ.รวมทิพย์ โดยศาลพยายามสอบถามในประเด็นการวินิจฉัยอาการป่วยของนายทักษิณ ว่า มีอาการป่วยจริง และฉุกเฉิน เขาข่ายวิกฤตหรือไม่ ซึ่ง พญ.รวมทิพย์ กล่าวว่า ไม่ได้มีการเขียนใบส่งตัวไว้ล่วงหน้า เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน แต่ผู้ต้องขังที่มีอาการป่วย และอยู่ในกลุ่ม 608 ทุกคน จะมีการเขียนใบประสานส่งตัวไว้ล่วงหน้า เพื่อประกอบขั้นตอนการขออนุญาตจากพัสดี เพื่อพิจารณาส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำในเวลาราชการ และด้วยกรณีอาการป่วยของนายทักษิณ เกินศักยภาพของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และต้องได้ตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม โดยแพทย์เฉพาะทาง
ส่วน นพ.นทพร ซึ่งเป็นแพทย์เวรทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ในวันที่มีการส่งตัวในทักษิณไปโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนใหญ่จำเหตุการณ์ไม่ได้ เพียงแต่ยอมรับว่าได้รับการประสานจากพยาบาลเวรในสถานพยาบาลเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับอาการของนายทักษิณ ซึ่งเมื่อดูจากอาการแล้วเข้าเงื่อนไขที่จะต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลภายนอก เพราะอาการนั้นเกินศักยภาพทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และยังกล่าวว่า ไม่ทราบว่า การวินิจฉัยของตน ส่งผลให้นายทักษิณได้ออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ
ส่วนนายธัญพิสิษฐ์ พยาบาลเวรเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ศาลได้พยายามซักถามตั้งแต่ขั้นตอนการรับตัวนายทักษิณเข้าเรือนจำ ซึ่งนายธัญพิสิฐ์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายให้มาติดตามอาการของนายทักษิณ ที่ห้องแยกกักโรค กระทั่งเวลา 22.00 น. นายทักษิณแจ้งว่า มีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอก ความดันตก ออกซิเจนปลายนิ้วลดลง จึงปรึกษาแพทย์เวรทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
ซึ่งแนะนำว่าให้ส่งโรงพยาบาลนอกเรือนจำ ก่อนจะแจ้งพัสดี พร้อมประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจ และส่งตัวซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง เมื่อมาถึงโรงพยาบาลตำรวจ มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล มารับตัวโดยพยุง นายทักษิณขึ้นรถเข็น ส่วนตนไปทำเอกสารที่เวชระเบียน ก่อนเจ้าหน้าที่แจ้งให้นำเอกสารไปส่งชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องพักผู้ป่วยและตนไม่ได้เห็นนายทักษิณ
ทั้งนี้ศาลได้พยายามซักถามนายธัญพิสิษฐ์ ถึงสาเหตุที่ไม่ส่งตัวนายทักษิณ ซึ่งมีอาการวิกฤต ไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ที่อยู่ใกล้เพียง 15 นาที ในระหว่างที่รอการประสาน ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อปฐมพยาบาลเบื้องต้น
โดยการไต่ส่วนนัดถัดไปจะมีขึ้นในวันที่ 8 ก.ค. เวลา 09.00 น. พร้อมออกหมายเรียก พล.ต.ต.นพ.ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล และ พล.ต.ต.นายแพทย์สุรพล เกษประยูร แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เข้ารับการไต่สวน ในวันที่ 18 ก.ค. จากนั้นในวันที่ 25 ก.ค. ให้แพทยสภา ส่งแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโรค และการเจ็บป่วยของนายทักษิณ มาให้ความเห็นต่อศาล
อ่านข่าว :
4 ก.ค. ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนแพทย์-พยาบาล ปม "ทักษิณ" ชั้น 14
ศาลฎีกาฯ เรียกพยาน 20 ปาก ไต่สวน 4, 8,15 ก.ค. คดี "ทักษิณ" ชั้น 14