ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รองประธานวุฒิฯ กัมพูชา ขึ้นโพเดียมโจมตีไทยกลางเวทีใหญ่ IPU

การเมือง
18:22
374
รองประธานวุฒิฯ กัมพูชา ขึ้นโพเดียมโจมตีไทยกลางเวทีใหญ่ IPU

วันนี้ (21 ต.ค.2568) ผู้แทนรัฐสภากัมพูชา นายอุช โบฤทธิ์ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นเบอร์ 2 รองจาก "ฮุน เซน" ขึ้นกล่าวในเวที General Debate ในการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ก่อนหน้านี้ นายอุช โบฤทธิ์ ไม่ปรากฏตัวในห้องประชุมต่าง ๆ ของ IPU ตลอด 2 วันที่ผ่านมา รวมถึงเวที General Debate ซึ่งเป็นเวทีใหญ่วันแรก เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.) ที่เปิดให้ประธานรัฐสภาจากประเทศต่า งๆ ได้อภิปรายต่อที่ประชุมคนละ 6-7 นาที ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาของไทย ขึ้นพูดในลำดับที่ 17 ในลิสต์ A โดยไม่ปรากฏว่านายอุช โบฤทธิ์ มาร่วมรับฟังด้วยแต่อย่างใด มีเพียงสมาชิกรัฐสภาของกัมพูชามานั่งสังเกตการณ์

ทั้งนี้ นายอุช โบฤทธิ์ มีคิวพูดในลิสต์ B เพราะเป็นรองประธานวุฒิสภา ไม่ใช่ประธาน จึงถูกจัดคิวพูดในวันที่ 2 ของเวที General Debate ซึ่งการขึ้นกล่าวปราศรัยของนายอุช โบฤทธิ​์ เป็นไปตามความคาดหมายของทีมไทยแลนด์ คือฉวยโอกาสโจมตีไทยจากปัญหาพิพาทตามแนวชายแดน ด้วยข้อมูลบิดเบือน

นายอุช โบฤทธิ์ เริ่มกล่าวด้วยการแสดงไมตรีจิต ขอบคุณผู้แทนจากไทยที่มีส่วนร่วมในสมัชชาสหภาพรัฐสภา และยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในเวทีนานาชาติ พร้อมย้ำว่ากัมพูชายึดมั่นสันติภาพ ความปรองดอง และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศทุกข้ออย่างซื่อสัตย์

แต่แล้วนายอุช โบฤทธิ์ ก็พูดถึงปัญหาพิพาท โดยอ้างว่าหากประเมินสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นหัวข้อหลักของการประชุม IPU ครั้งนี้ จะพบว่ามาตรฐานมนุษยธรรมถูกละเมิดอย่างรุนแรงจากปัญหาตามแนวชายแดนของกัมพูชา ซึ่งมีปัญหามาเนิ่นนาน

"กัมพูชาไม่คิดจะเป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น จึงขอร้องประเทศไทย ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านของเราให้รับทราบเรื่องนี้ด้วย"

รองประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวต่อว่า สงครามระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชา เรื่องพรมแดนล้วนมีขอบเขตตามที่กำหนดโดยกฎหมาย ถูกควบคุมโดยเครื่องมือระหว่างประเทศที่มีผลผูกพัน ตั้งแต่สนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ค.ศ.1904 ซึ่งมีแผนที่ประกอบเป็นหลักฐาน นอกจากนั้นยังมีสนธิสัญญาอีกหลายฉบับ ตลอดจนหลักกฎหมาย รวมถึงคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) ด้วย

หลักฐานยังถูกเขียนขึ้นโดยบันทึกข้อตกลงปี 2000 (MOU 2543) มีการตั้งกรรมาธิการร่วมรับผิดชอบทางด้านเทคนิคในการดำเนินการเรื่องเขตแดน

ผู้แทนรัฐสภากัมพูชา ยังถือโอกาสนี้แสดงความขอบคุณประเทศจีน มาเลเซีย และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สำหรับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา และมีการสร้างผลงานสำคัญขึ้นมา คือข้อตกลงหยุดยิงของทั้งสองประเทศ เมื่อวันที่ 28 ก.ค.

แต่แม้กระบวนการตามข้อตกลงจะมีความก้าวหน้า แต่บริเวณพรมแดนยังคงเปราะบาง ชาวบ้านกัมพูชายังถูกโยกย้าย ถูกปิดล้อม และถูกดดันให้ออกจากพื้นที่ รวมทั้งทหารกัมพูชา 18 คนยังถูกควบคุมตัว

นอกจากนั้นยังมีปฏิบัติการจิตวิทยา ปล่อยเสียงแหลมดังในเวลากลางคืน ทำให้ประชาชนชาวกัมพูชาใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัว

นายอุช โบฤทธิ์ กล่าวอีกตอนหนึ่งว่า กัมพูชายอมรับไม่ได้ที่ถูกกล่าวหาว่าละเมิดต่อมรดกโลก เพราะปราสาทพระวิหาร และปราสาทต่าง ๆ เป็นของกัมพูชา การส่งกำลังทหารเข้าไปก็เพื่อพิทักษ์ปราสาท รวมถึงการวางอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ก็อยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา

อย่างไรก็ดี นายอุช โบฤทธิ์ พยายามกล่าวย้ำหลายครั้งว่า กัมพูชาเคารพต่อข้อตกลงหยุดยิง กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาทุกฉบับ

เป็นที่น่าสังเกตว่า รองประธานวุฒิสภาของกัมพูชา พูดเกินเวลาไปมาก พูดจนเวลาหมด ทั้ง ๆ ที่บริเวณโพเดียมจะมีการติดไฟเตือนสีแดงไว้ เมื่อเวลาหมดก็จะมีแสงเตือนขึ้นคล้ายๆ ไซเรน ปรากฏว่าการพูดของ นาย อุช โบฤทธิ์ เกินเวลาไปนานมาก แสงไฟสีแดงเตือนถี่ ๆ หลายรอบ แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ

นอกจากนั้น ประธานการประชุมของสมัชชาสหภาพรัฐสภา ก็ได้พูดขัดจังหวะ และแจ้งเตือนผ่านไมโครโฟนหลายครั้งว่า “เวลาหมดแล้ว” แต่นายอุช โบฤทธิ์ ก็ไม่สนใจ พยายามพูดจนจบตามเนื้อหาที่เตรียมมา จนถูกสมาชิกชาติอื่น ๆ ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจ

หลังจากนายอุช โบฤทธิ์ กล่าวจบ ปรากฏว่าประธานที่ควบคุมเวทีสมัชชาสหภาพรัฐสภา ได้กล่าวตำหนิว่า เป็นการพูดที่ไม่เคารพเวลา ส่งผลกระทบต่อสมาชิกชาติอื่น ๆ เพราะทุกคนก็อยากพูดเช่นเดียวกัน

อ่านข่าว : นายกฯหารือทูตสหรัฐฯ ย้ำ 4 จุดยืนไทยต่อกัมพูชา 

"พล.อ.ณัฐพล" ยื่นคำขาดกัมพูชา ถ้าถก GBC-JBC" ไม่สำเร็จ นายกฯ ไม่ลงนามสันติภาพ