วันนี้ (21 ต.ค.2568) นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่ สภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นชอบรับหลักการ ร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ทั้ง 2 ฉบับ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาหอการค้าไทยได้รับข้อร้องเรียนและความกังวลจากสมาชิกทั่วประเทศ ทั้งจากหอการค้าจังหวัด 5 ภูมิภาค หอการค้าต่างประเทศ และสมาคมการค้ามากกว่า 20 สมาคม ที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านกับร่างกฎหมายดังกล่าว

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
โดยสภาหอหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร) ได้ทำหนังสือคัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ประธานรัฐสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีหลายมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เพิ่มภาระต้นทุนการจ้างงานให้กับนายจ้างในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน อีกทั้งยังขาดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนและสมาคมนายจ้างอย่างรอบด้าน
สภาหอการค้าฯ เห็นว่า การจัดทำกฎหมายแรงงานควรรับฟังความเห็นทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างอย่างเป็นธรรม เพื่อไม่ให้กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน บรรยากาศการลงทุน และเศรษฐกิจไทยในภาพรวม

ทั้งนี้ ภาคเอกชนเรายืนยันที่จะสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานตามหลักสากลหรือองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ทั้งในด้านชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม สิทธิการลา และการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การปรับลดชั่วโมงการทำงานจาก 48 ชั่วโมง เหลือ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมถึงการเพิ่มวันหยุดและสิทธิการลาอื่น ๆ ตามร่างกฎหมายใหม่ อาจส่งผลให้ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยการผลิตเพิ่มขึ้นทันที โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs โดยตรงที่กำลังเผชิญต้นทุนที่สูงและสภาพคล่องจำกัด อาจนำไปสู่การปิดกิจการและการเลิกจ้างแรงงาน
การปรับลดชั่วโมงการทำงานยังอาจกระทบต่อรายได้รวมของแรงงานในบางกลุ่ม จึงควรใช้กลไกแรงงานสัมพันธ์ภายในองค์กรในการกำหนดแนวทางที่เหมาะสม พร้อมทั้งควรมีการประเมินผลกระทบเชิงปริมาณและจัดทำมาตรการรองรับอย่างรอบคอบ เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยยังไม่พร้อมต่อการปรับเปลี่ยนดังกล่าว โดยหลายอุตสาหกรรมยังคงพึ่งพาแรงงานคนเป็นหลัก และมีข้อจำกัดด้านเงินลงทุนในการปรับใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ
ประธานหอการค้า กล่าวอีกว่า กระบวนการจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก (กฎหมายมหาชน) ควรเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 ที่กำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ซึ่งในกรณีนี้ยังขาดข้อมูลที่เพียงพอและอาจส่งผลต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรง

ดังนั้น สภาหอการค้าฯ จึงขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ทั้ง 2 ฉบับ ที่ไม่สอดรับกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง และขาดการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้จัดทำข้อเสนอ Quick Big Win นโยบายด้านแรงงานของประเทศไทย ที่ภาคเอกชนอยากจะเห็นผลสำเร็จเร่งด่วนใน 4 เดือน เพื่อเสนอให้กระทรวงแรงงานพิจารณาแก้ไขปัญหาและกำหนดนโยบายด้านแรงงานไปสู่แนวทางการปฏิบัติได้ในทุกมิติและเกิดประโยชน์ต่อมวลรวมของประเทศชาติ เช่น นโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีเสนอให้การปรับอัตราค่าจ้างเป็นไปตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 โดยใช้กลไกคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) เร่งรัดการการทบทวนหลักเกณฑ์การวางหลักประกันในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว เพื่อเป็นการช่วยลดภาระต้นทุนให้กับสถานประกอบการในการจ้างแรงงานต่างด้าวในปัจจุบัน

รวมถึงสนับสนุนนโยบายการยกระดับทักษะแรงงาน (Up-skill & Re-skill) โดยจัดตั้งความร่วมมือ “รัฐ–เอกชน–สถาบันการศึกษา” เพื่อยกระดับทักษะแรงงานให้ตรงความต้องการของอุตสาหกรรม โดยเน้น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเด็กจบใหม่ กลุ่มคนทำงาน และ กลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ ซึ่งจะสอดรับกับมาตรของคณะนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านมาตรการคนละครึ่งพลัส
และการบริหารจัดการและลดขั้นตอนการทำงานของคนต่างด้าว (กลุ่ม Skill-Labor &Un-Skill Labor) โดยจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน (OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกด้าน VISA & Work Permit ให้กับนักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านแรงงาน (กรอ.แรงงาน) เพื่อเป็นกลไกกลางบูรณาการข้อเสนอและนโยบายแรงงานระหว่างภาครัฐกับเอกชน ให้สามารถขับเคลื่อนและเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน
อ่านข่าว:
“สงครามการค้า” ยืดเยื้อ ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก กระทบ“ท่องเที่ยวไทย”
“บาทแข็ง” ฉุดรายได้ประเทศร่วง ส.อ.ท.ชี้ หวั่นเสียเปรียบตลาดโลก
เส้นทางทองคำ "การค้า-การเมืองสหรัฐฯ" ดันราคา ทะยานไม่หยุด