ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

“บาทแข็ง” ฉุดรายได้ประเทศร่วง ส.อ.ท.ชี้ หวั่นเสียเปรียบตลาดโลก

เศรษฐกิจ
16:59
74
“บาทแข็ง” ฉุดรายได้ประเทศร่วง ส.อ.ท.ชี้ หวั่นเสียเปรียบตลาดโลก
ส.อ.ท. ห่วงบาทแข็ง ฉุดรายได้ประเทศร่วง ส่งออกกระทบหนักเสียเปรียบคู่แข่ง IMF ประเมินจีดีพีไทยปี69 โตเพียง 1.6% เสนอแนวทางแบงก์ชาติ -สถาบันการเงินพิจารณาซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ

วันนี้ (21 ต.ค.2568) นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และคณะผู้บริหาร ว่า ปัญหาสำคัญคือค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่า 7% เมื่อเทียบกับภูมิภาค ขณะที่เงินเวียดนามอ่อนค่ากว่า 3% ทำให้ช่องว่างการแข่งขันห่างกันเกือบ 10% สินค้าส่งออกไทยซึ่งมีกำไรไม่มากจึงเสียเปรียบประเทศคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด โดยรายได้จากการส่งออกคิดเป็นกว่า 60% ของ GDP

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า GDP ประเทศไทย ปี 69 จะโตเพียง 1.6% จากผลกระทบด้านการส่งออกและการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างเวียดนามกลับเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้อีก 2-3 ล้านคน

ทั้งนี้เงินบาทที่แข็งค่าเกินไป ทำให้รายได้ประเทศลดลง การแข่งขันในตลาดโลกเสียเปรียบ และยังส่งผลต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจในวงกว้างโดย ส.อ.ท. เสนอแนวทางให้ ธปท. และสถาบันการเงินพิจารณาซอฟต์โลนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือ SMEs โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีวินัยทางการเงินดี เช่น ไม่เคยค้างชำระค่าน้ำค่าไฟ หรือมีเครดิตชุมชนที่ดี ควรได้รับแต้มต่อในการกู้ยืมรวมถึงเสนอให้จัดตั้งกองทุนเอสเอ็มอีนวัตกรรมการเงินโดยเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุน เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อปกติสามารถเข้ามาขอทุนสนับสนุนได้

ด้วยภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันผู้ขายต้องขายแบบเครดิตแต่ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินสด ทำให้ผู้ประกอบการขาดสภาพคล่อง การออกแบบระบบสินเชื่อแบบใหม่จึงเป็นเรื่องจำเป็น

ประธานส.อ.ท. กล่าวอีกว่า ผู้ว่าการ ธปท. ได้รับข้อเสนอของภาคเอกชน และจะนำข้อมูลไปพิจารณาหาแนวทางร่วมมือแก้ปัญหาค่าเงินบาท ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งจากราคาทองคำที่ปรับขึ้น และการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการฟอกเงินระหว่างประเทศ

ส.อ.ท. เคยเสนอให้หน่วยงานรัฐเข้มงวดการตรวจสอบการส่งออกทองคำ หลังพบว่าปี 2566 มีการส่งออกไปกัมพูชากว่า 12,000 ล้านบาท และปี 2567 พุ่งหลักแสนล้านบาท ดังนั้น ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งจัดระเบียบเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินการเทรนด์ทองคำเป็นสกุลเงินดอลลาร์แล้ว ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทได้

ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ช่วงเดือนก่อนที่เอกชนพบความผิดปกติของการส่งออกทองคำไปจำนวนมาก และเมื่อชี้จุดทำให้มีการเข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ค่าเงินบาทลดลงมาได้บ้าง ดังนั้น หากมีการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวดก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้

อ่านข่าว:

 เส้นทางทองคำ "การค้า-การเมืองสหรัฐฯ" ดันราคา ทะยานไม่หยุด

สงครามการค้าระอุอีกรอบ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีจีนเพิ่ม 100% เริ่ม 1 พ.ย.นี้ 

ต่อยอดสิทธิบัตร "ยาหมดอายุ" ยุทธศาสตร์ "สาธารณสุข" มั่นคง