ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ต่อยอดสิทธิบัตร "ยาหมดอายุ" ยุทธศาสตร์ "สาธารณสุข" มั่นคง

เศรษฐกิจ
17:10
60
ต่อยอดสิทธิบัตร "ยาหมดอายุ" ยุทธศาสตร์ "สาธารณสุข" มั่นคง
อ่านให้ฟัง
10:03อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

สัดส่วนที่ประเทศไทย พึ่งพาการนำเข้ายาต่างประเทศ ปัจจุบันตัวเลขอยู่ที่ 60-70 % โดยเฉพาะ "ยาต้นแบบ"ภายใต้การคุ้มครองสิทธิบัตร ทำให้ยามีราคาแพง และด้วยการแข่งขันในตลาดมีข้อจำกัด การส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ให้เข้าถึงข้อมูลสิทธิบัตรยาที่หมดอายุหรือใกล้หมดอายุ คือ กลยุทธ์สำคัญเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านสาธารณสุข ซึ่งช่วยให้ไทยสามารถลดต้นทุนการนำเข้ายานอกได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2564 กรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดโอกาสนักวิจัยและผู้ประกอบการไทยเข้าถึงข้อมูลสิทธิบัตรยาหมดอายุ หรือใกล้หมดอายุ เพื่อส่งเสริมการผลิตยาสามัญภายในประเทศ หรือต่อยอดพัฒนายาสูตรใหม่ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พบว่า มีการสืบค้นข้อมูลเกือบ 30,000 ครั้ง เป็นข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรมยากว่า 2,800 ครั้ง และมีสิทธิบัตรยาที่หมดและใกล้หมดอายุการคุ้มครองในไทยอีก 5 ปีข้างหน้า มากกว่า 1,500 ฉบับ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า กรมฯ ได้เปิดให้บริการระบบแจ้งเตือนสิทธิบัตรที่หมดอายุและใกล้หมดอายุความคุ้มครอง (Patent Early Warning) เพื่อให้นักวิจัย นักประดิษฐ์ และผู้ประกอบการ สามารถนำข้อมูลไปเตรียมความพร้อมที่จะใช้ประโยชน์ได้ทันทีเมื่อสิทธิบัตรซึ่งโดยทั่วไปมีอายุความคุ้มครอง 20 ปี หมดอายุลง โดยระบบให้บริการข้อมูลสิทธิบัตรที่หมดหรือใกล้หมดอายุ 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา

ให้ครอบคลุม 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมไฟฟ้า อุตสาหกรรมเครื่องมือวัด อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะการ และ อุตสาหกรรมวัสดุ ซึ่งสถิติตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผู้เข้ามาสืบค้นดูข้อมูลดังกล่าว 29,589 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 15,061 ราย

โดยในส่วนของอุตสาหกรรมยา มีการเข้ามาดูข้อมูลสิทธิบัตรที่หมดหรือใกล้หมดอายุ 2,857 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 1,071 ราย โดยแบ่งเป็น 7 กลุ่มย่อย ได้แก่ ยาเคมี มีการสืบค้นข้อมูล 2,638 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 1,066 ราย ยาชีววัตถุ มีการสืบค้นข้อมูล 2,278 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 1,043 ราย ยาสมุนไพร มีการสืบค้นข้อมูล 2,136 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 999 ราย

ยามุ่งเป้า (ยาที่คณะกรรมการพัฒนายาแห่งชาติคัดเลือกให้อยู่ในบัญชียามุ่งเป้าของกระทรวงสาธารณสุข) มีการสืบค้นข้อมูล 2,482 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 1,054 ราย วัคซีน มีการสืบค้นข้อมูล 2,126 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 999 ราย (ชุดตรวจ/ชุดทดสอบ มีการสืบค้นข้อมูล 2,116 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 998 ราย

และ เวชภัณฑ์ มีการสืบค้นข้อมูล 2,171 ครั้ง จากผู้ใช้งาน 1,003 ราย ทั้งนี้ จำนวนสิทธิบัตรในอุตสาหกรรมยาที่หมดอายุและใกล้หมดอายุความคุ้มครองในไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า มีมากถึง 1,500 ฉบับ ประกอบด้วย ยาเคมี 1,014 ฉบับ ยาชีววัตถุ 208 ฉบับ ยาสมุนไพร 25 ฉบับ ยามุ่งเป้า 42 ฉบับ วัคซีน 35 ฉบับ ชุดตรวจ/ชุดทดสอบ 230 ฉบับ และเวชภัณฑ์ 25 ฉบับ

ใช้ระบบ Patent Early Warning ช่วยวางแผนผลิตยา

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบ Patent Early Warning เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะช่วยผู้ประกอบการในการวางแผนผลิต “ยาสามัญ หรือยาที่หมดสิทธิบัตรแล้ว” (Generic Drugs) ซึ่งมีตัวยาหรือสูตรตำรับยาเหมือนกับ “ยาต้นแบบ” (Original Drugs) ได้อย่างรวดเร็ว และในราคาที่ถูกกว่า เพราะไม่ต้องลงทุนในการวิจัยหรือพัฒนา ขณะเดียวกันก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปต่อยอดพัฒนาผลิตสูตรยาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงขึ้น

ระบบ Patent Early Warning

ระบบ Patent Early Warning

ระบบ Patent Early Warning

ซึ่งการใช้ข้อมูลสิทธิบัตรอย่างถูกต้องในการต่อยอดการวิจัยและพัฒนาจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทย เปลี่ยนจากประเทศผู้นำเข้ายา สู่ผู้ผลิต สร้างศักยภาพในการผลิตวัตถุดิบยา (Active Pharmaceutical Ingredients: API) ภายในประเทศ ลดการนำเข้าวัตถุดิบยาและการพึ่งพายา ส่งผลให้เกิดการแข่งขันด้านราคาและทำให้ยามีราคาถูกลง ประชาชนสามารถเข้าถึงยาในราคาที่เหมาะสม

ซึ่งกรมฯ พร้อมรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปพัฒนาระบบการเข้าถึงข้อมูลสิทธิบัตรหมดอายุหรือใกล้หมดอายุให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลเทรนด์สิทธิบัตรที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาศักย ภาพอุตสาหกรรมของไทยต่อไป

เผยไทย นำเข้ายาต้นแบบต่างประเทศสูง 70 % 

มีรายงานระบุว่า ปัจจุบันไทยยังต้องพึ่งพายานำเข้าจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 65 – 70% โดยเฉพาะยาต้นแบบที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองสิทธิบัตร ส่งผลให้ยาดังกล่าวมีราคาสูงและมีการแข่งขันในตลาดจำกัด

ดังนั้น การส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าถึงข้อมูลสิทธิบัตรยาที่หมดอายุหรือใกล้หมดอายุ จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ไทยสามารถลดต้นทุนการนำเข้ายา แต่ยังเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ผลักดันให้เกิดการคิดค้นยานวัตกรรมใหม่และพัฒนายาสามัญได้ทันท่วงที

ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานอุตสาหกรรมยาที่เข้มแข็งในระยะยาว ช่วยยกระดับศักยภาพของประเทศสู่การพึ่งพาตนเองในด้านยา และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยาไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

หนุนผลิตยาคุณภาพ "เพิ่มทางเลือก-ลดต้นทุน" นำเข้า

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงงานเภสัช อุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP เปิดเผยว่า นโยบายรัฐบาลในด้านส่งเสริมการเข้าถึงยารักษาของประชาชนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถนำใบสั่งแพทย์มาซื้อยาที่ร้านขายยา เพื่อช่วยลดการแออัดของผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลรัฐ เป็นนโยบายที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในวงกว้าง ซึ่ง JSP พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายดังกล่าวอย่างเต็มที่

นายสิทธิชัย  แดงประเสริฐ   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP

หากนโยบายดังกล่าวสามารถดำเนินการอย่างบูรณาการ ครอบคลุมไปถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนายา รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงประชาชนมากขึ้นเชื่อว่าจะขยายผลความสำเร็จได้อย่างรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า ประเทศไทยมีโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP มากกว่า 150 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีไม่ถึง 10% ที่สามารถผลิตวัตถุดิบตัวยาสำคัญได้เอง

ส่วนใหญ่นำเข้าตัวยาวัตถุดิบจากต่างประเทศมาผสม ซึ่งเป็นลักษณะนี้เกือบ 90% สำหรับการวิจัยและพัฒนายาตัวใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้ายังมีอยู่น้อยมาก

อย่างไรก็ตาม นายสิทธิชัย มองว่าการจะส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงยาในประ เทศให้มากขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ หัวใจสำคัญคือการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบตัวยาขึ้นมาเองเพื่อทดแทนการนำเข้าในส่วนของยาแผนปัจจุบัน ขณะเดียวกันในส่วนของยาสมุนไพรไทยนั้นเป็นทางเลือกที่ดีแต่มองว่ายังขาดการประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงข้อบ่งใช้ที่ถูกต้องจึงทำให้ปัจจุบันประชาชนบางส่วนยังขาดความมั่นใจในการใช้เป็นยาทางเลือก

แนะแก้กม.ตู้ขายยาอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ผ่านเทเลเมดิคอล

นายสิทธิชัย ระบุว่า การส่งเสริมยาที่ผลิตในประเทศ ด้วยการจับมือกับโรงพยา บาลเอกชน เพื่อให้คนป่วยสามารถนำใบสั่งยามาซื้อที่เภสัชกรนอกโรงพยา บาล เป็นเรื่องที่ดีกับบริษัท แต่ต้องไม่ได้หยุดนิ่ง ต้องทำการวิจัยและพัฒนาตลอดเวลา ซึ่งเป้าหมายหลักคือให้คนไทยมีสุขภาพที่ดี ผ่านการคิดสูตรยาใหม่เพื่อรักษาโรค รวมถึงอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้การออกกฎหมายให้สามารถจำหน่ายยาหลากหลายประเภทผ่านตู้ขายยาอัตโนมัติ 24 ชม. จะช่วยเสริมนโยบายรัฐให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเป็นการเพิ่มความสะดวกให้กับคนไข้สามารถนำใบสั่งยามารับได้ที่ตู้ขายยาอัตโนมัติ ที่มีแพทย์ หรือ เภสัชกร ให้บริการทางออนไลน์หรือที่เรียกว่า เทเลฟาร์มาซี หรือ เทเลเมดิคอล

และหากมีการปรับแก้ไขกฎหมาย ให้ตู้ยาอัตโนมัติ สามารถมียาอัน ตรายที่ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์เท่านั้นด้วย เชื่อว่าจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณะสุขได้อย่างมาก

อ่านข่าว:

 “ทองคำ”สินทรัพย์อมตะแห่งยุค 4 ปัจจัยบวกดันทองพุ่ง

"อนุทิน" คิกออฟ 28 ต.ค.68 เพิ่มทางเลือกประชาชนซื้อยานอกรพ.เอกชน

ส่องตลาดบ้านหรู เป็นได้ทั้งพลุ-ระเบิดเวลา