วันนี้ (21 ต.ค.2568) นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้ส่งชุดปฏิบัติการเต็มเหนี่ยวกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบสถานประกอบการที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ประกอบกิจการนำกระดาษที่ใช้แล้วมาผ่านกรรมวิธีทางอุตสาหกรรมเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบ สำหรับโรงงานทำกระดาษ คัดแยกวัสดุที่ไม่ใช้แล้วที่ไม่เป็นของเสียอันตราย ทำเม็ดพลาสติกและทำแผ่นพลาสติก
วันนี้เป็นครั้งแรกของการลงพื้นที่ตรวจจับของชุดปฏิบัติการ "เต็มเหนี่ยว" เพื่อฝ่าปัญหาเร่งด่วน ทำให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายกับการประกอบกิจการอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเด็ดขาดขึ้นมา หรือเรียกย่อ ๆ ว่าชุดเต็มเหนี่ยว เพื่อแก้ทุกปัญหาอุตสาหกรรมในทุกพื้นที่หากสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันและทวงคืนพื้นที่เศรษฐกิจคืนให้กับผู้ประกอบการที่ทำทุกอย่างถูกต้อง

นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริษัทดังกล่าวมีการดำเนินงานที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดหลายประการ ประกอบด้วย การประกอบกิจการไม่ตรงตามที่ได้รับอนุญาต เครื่องจักรในกระบวนการผลิตและระบบบำบัดน้ำเสีย ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่มีความปลอดภัย พบการกองสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วนอกอาคารโรงงาน การติดตั้งถังดับเพลิงในอาคารโรงงานไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การป้องกันและระงับอัคคีภัยในโรงงาน พ.ศ. 2552
จากการตรวจสอบในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม พบว่ามีการรับกากของเสียในปี 2568 เข้ามาดำเนินการจัดการปริมาณรวมทั้งสิ้น 846.795 ตัน มาจากหลายโรงงาน นอกจากนี้ ยังพบการติดตั้งเครื่องจักรที่ไม่อยู่ในรายการบัญชีเครื่องจักรที่ได้รับอนุญาต 11 รายการ รวมกำลังแรงม้าเครื่องจักร 295.5 แรงม้า
รวมทั้งพบบรรจุภัณฑ์ไม่ใช้แล้วชนิดพลาสติก โดยผู้นำตรวจ แจ้งว่า มาจากโรงงานที่อยู่ข้างเคียง ส่งมาให้ดำเนินการจัดการ โดยไม่ได้ผ่านการขออนุญาตนำออกนอกบริเวณโรงงาน
ต่อมา เลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม ได้นำชุดเต็มเหนี่ยวพร้อมเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ต.ศีรษะจรเข้ใหญ่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งประกอบกิจการถอดแยกและบดย่อยชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บดย่อยเศษคัดแยกวัสดุสายไฟที่ไม่เป็นของเสียอันตราย และหลอมหล่อเศษและตะกรันโลหะ เก็บรวบรวมแบตเตอรี่โดยไม่แปรสภาพ
จากการตรวจสอบ พบสิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ได้รับอนุญาตตามทะเบียนโรงงาน ไม่ว่าจะเป็น กระบวนการผลิตซิลิคอนโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีการตรวจวัดคุณภาพปล่องระบาย พบกองวัตถุและผลิตภัณฑ์นอกอาคารโรงงาน และอยู่ในระหว่างการตรวจวัดดินและน้ำใต้ดิน
ชุดปฏิบัติการเต็มเหนี่ยวได้มอบหมายให้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ดำเนินคดีในทุกการกระทำผิดอย่างเด็ดขาด และได้มีคำสั่ง มาตรา 37 วรรค 1 ให้โรงงานปรับปรุงแก้ไขโรงงานหรือระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 โดยทันที
ซึ่งหากทั้ง 2 โรงงานเร่งปรับปรุงแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดก็สามารถกลับมาเปิดได้ตามปกติ พร้อมกับได้กล่าวย้ำเตือนด้วยว่า หากยังพบว่ามีการฝ่าฝืน ไม่ยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยไม่มีเหตุอันควร จะดำเนินการมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ ผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย สั่งให้หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมด หรือบางส่วนเป็นการชั่วคราว และหากยังไม่ปฏิบัติตามอาจจะมีคำสั่งให้ปิดโรงงาน มีผลเป็นการเพิกถอนใบอนุญาตด้วย
อ่านข่าว :
นายกฯหารือทูตสหรัฐฯ ย้ำ 4 จุดยืนไทยต่อกัมพูชา
ครม.เคาะกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ เที่ยวเมืองรองลดหย่อน 1.5 เท่า