วันนี้ (4 พ.ย.2568) Xinhua รายงาน ศาลประชาชนระดับกลางเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ได้มีคำพิพากษาคดีอาชญากรรมข้ามชาติครั้งใหญ่ที่มีผู้ต้องหากว่า 20 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมในพื้นที่โกกาง (Kokang) ทางตอนเหนือของเมียนมา
คำตัดสินระบุว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้กระทำความผิดหลายข้อหา อาทิ ฉ้อโกงทางโทรคมนาคม, ฆาตกรรมโดยเจตนา, ทำร้ายร่างกายโดยเจตนา, รวมถึงการเปิดบ่อนการพนันผิดกฎหมาย และ จัดให้บุคคลลักลอบข้ามพรมแดน
คดีนี้สร้างความสะเทือนใจในสังคมจีน หลังพบว่าเครือข่ายอาชญากรดังกล่าวทำให้มี ชาวจีนเสียชีวิต 6 คน, อีก 1 คนฆ่าตัวตายจากการถูกหลอกลวง และยังมีผู้บาดเจ็บหลายคนในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
ผู้ต้องหา 5 คน ถูกตัดสินประหารชีวิตทันที อีก 2 คนได้รับโทษประหารชีวิตแต่ให้รอลงอาญา 2 ปี อีก 5 คนถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และ อีก 9 คนถูกตัดสินจำคุก ตั้งแต่ 3 - 20 ปี นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งลงโทษเพิ่มเติม ได้แก่ ปรับเงิน, ยึดทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด และ ขับออกนอกประเทศ สำหรับผู้ที่ไม่ถือสัญชาติจีน
จากการสอบสวนของทางการจีน พบว่า กลุ่มอาชญากรนี้ได้จัดตั้งค่ายอาชญากรรมมากถึง 41 แห่งในเขตโกกางของเมียนมาเหนือ ใช้เป็นฐานในการดำเนินกิจกรรมหลอกลวงทางโทรคมนาคม การพนันออนไลน์ และบังคับค้าประเวณี เครือข่ายดังกล่าวมักล่อลวงชาวจีนให้มาทำงานในเมียนมา ก่อนจะกักขังและบังคับให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์ เมื่อมีผู้พยายามหลบหนีหรือขัดขืน มักถูกซ้อมหรือสังหาร
หนึ่งในจำเลยที่ถูกตัดสินประหารชีวิต ยังมีส่วนร่วมในการลักลอบผลิตและค้ายาเสพติดเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) ปริมาณมหาศาลถึง 11 ตัน ซึ่งถือเป็นคดีค้ายาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดคดีหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ชายแดนเมียนมา-จีน
ศาลยังเปิดเผยว่า การดำเนินการของกลุ่มนี้มีมูลค่าการเงินหมุนเวียนสูงถึง 29,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการหลอกลวงทางโทรคมนาคมและการพนันออนไลน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประชาชนจีนจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
คดีนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลจีนในการ ปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมในเมียนมาเหนือ โดยเฉพาะ "ค่ายสแกมเมอร์" ที่ใช้พื้นที่นอกกฎหมายเป็นฐานปฏิบัติการ หลอกลวงคนจีนผ่านโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์ ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางการจีนได้ประสานกับรัฐบาลเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์โกกาง เพื่อ เร่งจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาชาวจีนกลับประเทศ รวมถึงดำเนินคดีต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด
การตัดสินในครั้งนี้ จึงสะท้อนถึงนโยบาย Zero Tolerance ของจีนต่ออาชญากรรมข้ามชาติ และส่งสัญญาณเตือนไปยังเครือข่ายที่ยังคงดำเนินการอยู่ในพื้นที่ชายแดนให้ยุติการกระทำผิดโดยเร็ว
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงมองว่า คดีนี้อาจเป็น "หมุดหมายสำคัญ" ในการร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่าง จีนและเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ปัญหา "ค่ายสแกมเมอร์" ได้ขยายตัวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง
การลงโทษขั้นสูงสุดในครั้งนี้ จึงไม่เพียงเป็นการลงโทษเฉพาะบุคคล แต่ยังเป็น การส่งสัญญาณทางการเมือง ว่าจีนจะไม่ยอมปล่อยให้ประชาชนของตนตกเป็นเหยื่อของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติอีกต่อไป
อ่านข่าวอื่น :
"อ่าวเป่ยปู้" ท่าเรืออัจฉริยะศูนย์กลางโลจิสติกส์การค้าทางบก-ทะเล เชื่อมจีนกับอาเซียน
พิษไต้ฝุ่น "คัลแมกี" น้ำทะลักฟิลิปปินส์ ผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 26 คน