เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้ของประเทศจีน กำลังกลายเป็นเวทีสำคัญของอาเซียนในด้านการค้าและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ ผ่าน "ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้" (Beibu Gulf Port) หรือที่รู้จักในชื่อ "อ่าวตังเกี๋ย" ซึ่งเป็นท่าเรือที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนกับประเทศอาเซียน
กลุ่มท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ประกอบด้วย ท่าเรือชินโจว (Qinzhou Port) ท่าเรือเป๋ยไห่ (Beihai Port) และ ท่าเรือฝางเฉิงก่าง (Fangchenggang Port) ซึ่งท่าเรือชินโจวถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการพัฒนาท่าเรืออัจฉริยะของจีน ที่มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ให้ทัดเทียมนานาชาติ ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 7.1 พันล้านหยวน
โดย สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ตรวจเยี่ยมพื้นที่ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ในปี 2017 พร้อมเน้นย้ำให้พัฒนาท่าเรือแห่งนี้ให้โดดเด่นระดับ first class 4 ด้าน ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี การบริหารจัดการ และการบริการ
ท่าเรือชินโจว ถือเป็นท่าเทียบเรือตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกของจีน ที่สามารถรองรับการขนส่งแบบ "Sea-Rail Joint Transport" หรือการขนส่งร่วมระหว่างทางทะเลและทางรถไฟได้อย่างสมบูรณ์ โดยเชื่อมโยงการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์จากเรือสู่รางรถไฟโดยตรงในเวลาไม่กี่นาที ลดขั้นตอนและเวลาในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีพื้นที่ท่าเรือเก่าที่ใช้คนงานในการควบคุมเครนยกตู้คอนเทนเนอร์และใช้คนขับรถบรรทุกในการลำเลียงอยู่
ท่าเรืออัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ ยังเป็นแห่งแรกของโลกที่นำกระบวนการปฏิบัติงานแบบ "U-shaped Process" มาใช้ ซึ่งช่วยให้การเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์เป็นวงจรปิดที่สั้นลง ลดการใช้พลังงาน และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานของระบบอัตโนมัติ
การเปลี่ยนมาใช้ระบบยกและลำเลียงตู้คอนเทนเนอร์อัตโนมัติส่งผลให้ท่าเรือแห่งนี้ใช้คนงานเพียง 10% และคนงานก็สามารถอยู่ในตำแหน่งงานได้นานขึ้น เพราะงานเป็นอันตรายต่อสุขภาพน้อยลง รวมทั้งมีอัตราการจ้างคนงานหญิงมากขึ้น
ซึ่งระบบเครนอัตโนมัติสามารถคัดแยกประเภทของสินค้าผ่านการอ่านหมายเลขบนตู้คอนเทนเนอร์ และในพื้นที่ยกและลำเลียงยังมีการติดตั้งมีกล้อง AI ตรวจจับสิ่งแปลกปลอมที่อาจขัดขวางการทำงาน เช่น คนหรือรถ
ศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมโยงการค้าทางบก-ทะเล
ท่าเรือแห่งนี้ถูกออกแบบให้มีขีดความสามารถในการรองรับตู้คอนเทนเนอร์สูงสุดถึง 2.6 ล้านตู้มาตรฐานต่อปี ทำให้ท่าเทียบเรือชินโจวกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาคตะวันตก และเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักในการเชื่อมโยงการค้าทางบกและทางทะเลระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนและนานาชาติ
ทั้งนี้รัฐบาลจีนกำลังก่อสร้างท่าเรือแม่น้ำสำหรับเชื่อมต่อกับคลองขนส่งผิงลู่ (Pinglu Canal) ที่สามารถรับรองเรือขนาด 5,000 ตัน
ท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ ขนส่งสินค้า 449 ล้านตัน ติดอันดับท็อป 10
ในปี 2024 ปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ มีจำนวนทั้งสิ้น 449 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับตู้คอนเทนเนอร์ มีการขนส่งรวม 9.015 ล้านตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน (TEUs) เพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วนท่าเรือชินโจว ขนส่งสินค้าถึง 327 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 5.6%) คิดเป็น 73% ของการขนส่งทั้งหมดในอ่าวเป่ยปู้
ทั้งปริมาณการขนส่งสินค้าและตู้คอนเทนเนอร์ของท่าเรือเป่ยปู้เป็นท่าเรือขนาดใหญ่อันดับ 10 ของท่าเรือตามแนวชายฝั่งทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน ขบวนรถไฟในโครงการ "เส้นทางใหม่เชื่อมทางบกและทางทะเลด้านตะวันตก" มีจำนวนการเดินรถรวม 10,018 ขบวน เพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ปัจจุบันเส้นทางขนส่งสินค้าของท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมอยู่ที่ 91 เส้นทาง แบ่งเป็นในประเทศ 35 เส้นทางและนอกประเทศ 56 เส้นทาง ครอบคลุมกว่า 70 ประเทศ โดยเชื่อมต่อกับไทยที่ท่าเรือแหลมฉบัง
อ่านข่าว :
หนานหนิงศูนย์กลาง AI สะพานเทคโนโลยีจีน-อาเซียนสู่อนาคตดิจิทัล