วันนี้ (10 พ.ย.2568) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าที่ธนาคารพาณิชย์ในไทยใช้ มีมาตรการป้องกันการปลอมแปลงด้วยภาพหรือวิดีโออย่างรัดกุม ซึ่งแต่ละธนาคารมีเทคนิคการตรวจจับที่จะต้องผ่านการทดสอบความแม่นยำ ความปลอดภัยต่อการโจมตีในหลายรูปแบบ ก่อนนำมาใช้งานจริง
ขณะที่นายกิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ประธานกรรมการศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร หรือ TB-CERT สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยี AI สร้างสื่อสังเคราะห์ หรือ Deepfake ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มิจฉาชีพพยายามหลบเลี่ยงระบบตรวจจับของธนาคาร เช่น ธนาคารบางส่วนจะใช้เทคนิคตรวจจับ "เงาสะท้อน" เพื่อแยกแยะระหว่าง AI หรือมนุษย์จริง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโมบายแบงก์กิงจีน อาจเกิดจากการที่มิจฉาชีพเตรียมอุปกรณ์ลดเงาสะท้อน หรือใช้หน้าจอที่มีความละเอียดสูง ขณะที่ระบบการยืนยันตัวตนบนโมบายแบงก์กิงของไทย ไม่ได้ใช้เทคนิคตรวจจับเงาสะท้อนเพียงอย่างเดียว แต่ใช้เทคนิคอื่น ๆ ร่วมด้วย
ทั้งนี้ TB-CERT ได้ประสานงานกับตำรวจ เพื่อรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคของมิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าว ก่อนนำไปทดสอบเทคนิคหลบเลี่ยงการตรวจจับ เพื่อยกระดับระบบยืนยันตัวตนบนโมบายแบงก์ของไทย พร้อมยืนยันว่าไทยยังไม่มีรายงานความเสียหายจากการใช้ Deepfake
ประธานกรรมการ TB-CERT สมาคมธนาคารไทย ยังเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกดลิงก์ทำธุรกรรมการเงินใดๆ นอกโมบายแบงก์กิง เพื่อลดความเสี่ยงถูกหลอกโอนเงิน
อ่านข่าว
บุกจับ 4 ชาวจีนโยงสแกมเมอร์ เช่าคอนโดตั้งฐานหลอกเพื่อนร่วมชาติ
กรุงไทยหนุน “เที่ยวดี มีคืน” ช่วยธุรกิจท่องเที่ยว-โรงแรมกระตุ้นท่องเที่ยวท้ายปี
กกพ. เสนอ 2 ทางเลือก ค่าไฟปี 69 งวด ม.ค. - เม.ย. 4.58 และ 3.94 บาทต่อหน่วย











