วันนี้ (20 พ.ย.2568) จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ท. บก.ปปป. ป.ป.ช. DSI และกรมการปกครอง แถลงข่าวคดีสำคัญต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือ “ปฏิบัติการตัดหมอกเวียงแหง” เพื่อดำเนินคดีกับขบวนการนำคนต่างด้าวมาสวมตัวและทำหลักฐานเท็จ ในพื้นที่ อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
อ่านข่าว : นายกฯ แถลงจับเครือข่ายส่วยสัญชาติทุจริตสวมบัตรเอื้อจีนเทา สั่งฟันนายอำเภอ
สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567 ได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาสัญชาติให้แก่ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งหมด 483,626 คน (ข้อมูลวันที่ 28 ก.ค.2567) ประกอบด้วย 1.ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพเข้าไทย จำนวน 340,101 คน (มติ ครม.26 ม.ค.2564) และ 2. ชนกลุ่มน้อย/กลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในไทย จำนวน 143,525 คน (มติ ครม.7 ธ.ค.2559)
แต่ต่อมาเมื่อเดือน ก.ย.2568 ปรากฏเบาะแสว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติการณ์เรียกรับเงินเพื่อแลกกับการออกบัตรประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกรมการปกครองได้ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท., บก.ปปป. ป.ป.ช. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สืบสวนข้อเท็จจริงและพบหลักฐานว่า
มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประกอบด้วย นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ฝ่ายทะเบียนราษฎร ลูกจ้างชั่วคราวที่ทำการอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และบุคคลต่างด้าว มีพฤติการณ์นำบุคคลต่างด้าวซึ่งไม่ได้เคยได้รับการสำรวจและขึ้นทะเบียนราษฎรกับกรมการปกครองมาก่อน ทำการสวมตัวและชื่อเป็นคนต่างด้าวดังกล่าวให้ตรงกับรายชื่อบุคคลต่างด้าวที่มีสิทธิได้รับสิทธิอาศัยถาวรในประเทศไทย
ร่วมกันเอื้อประโยชน์ในการจัดทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้คนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิได้ไปซึ่งบัตรประจำตัวและสิทธิอาศัยถาวรในประเทศไทย จนเป็นเหตุให้ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 ได้พิจารณาพยานหลักฐานและอนุมัติหมายจับผู้กระทำผิด
วันที่ 18-19 พ.ย.2568 นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.ท.สราวุธ คำเหลือง ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต (กอท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 5, กอท. กองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 1 และ 2 เข้าร่วมปฏิบัติการจับกุมและตรวจค้น กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. กรมการปกครอง สำนักงาน ป.ป.ช. และ DSI
เข้าจับกุมบุคคล ตามหมายจับของศาล 28 คน โดยจับได้ 12 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 10 คน กลุ่มนายหน้า 1 ราย และบุคคลต่างด้าว 1 ราย โดยจับกุมได้ในพื้นที่ อ. เวียงแหง จ. เชียงใหม่ 8 ราย ในพื้นที่ อ.ภูซาง จ. พะเยา 1 ราย ในพื้นที่ อ. เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 1 ราย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 1 ราย และในพื้นที่ จ. สมุทรสาคร 1 ราย อีกทั้งยังได้พบเอกสารหลักฐาน จากการเข้าค้นบ้านผู้ใหญ่บ้านและนายหน้า ได้แก่ เอกสารแบบคำขอ 89 ของบุคคลต่างด้าว ข้อมูลการติดต่อกันระหว่างกลุ่มผู้กระทำผิด และอาวุธปืน
ทั้งนี้ ปฏิบัติการดังกล่าว ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการขยายผลยาเสพติดฯ ศอ.ปส.ภ.5 ได้ล่อซื้อเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินของผู้ที่ต้องการจัดทำบัตรบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนในพื้นที่ อ.เวียงแหง
โดยมีสายลับเพื่อติดต่อ (ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ และทางโทรศัพท์) กับนางวันทนีย์ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งเป็นนายหน้าในการจัดทำบัตรบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน ในพื้นที่ อ.เวียงแหง โดยคิดค่าใช้จ่ายในการจัดทำบัตรฯ รายละ 55,000 บาท
ภายหลังการติดต่อสายลับให้มาจัดทำบัตรฯ ในวันที่ 18 ก.ย.2563 เมื่อถึงวันเวลาที่นัดหมาย นางวันทนีย์ และนายจรัล ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ก็ได้นำเอกสาร (แบบสำรวจเพื่อจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลไม่มีสถานะ ทางทะเบียน (แบบ 89)) มาให้สายลับทั้ง 2 คน ทำการพิมพ์ลายนิ้วมือ บริเวณหลังหอประชุม อ.เวียงแหง เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานในการยื่นคำร้องขอมีบัตรฯ
เมื่อผู้ต้องหาได้รับบัตรฯ จากเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนอำเภอเวียงแหง ก็นำมามอบให้กับสายลับทั้ง 2 คน และสายลับทั้ง 2 ก็ได้จ่ายเงินจำนวน 110,000 บาท ให้กับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 พร้อมของกลาง เป็นเงินสดจำนวน 464,000 บาท และบัตรฯ ของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน จำนวน 5 ราย และเอกสารเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนอื่น ๆ รวมของกลาง 32 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงแหง ดำเนินคดีต่อไป
อ่านข่าว : เรือข้ามเกาะกูดท้องแตกน้ำทะลักเข้าเรือ ช่วย 97 ชีวิตปลอดภัย
ปมไต้หวันฉุดเศรษฐกิจญี่ปุ่น จีนขู่แบน "อาหารทะเล" เสียหายพันล้านเยน
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด "พ.ท.หญิง" ทุจริตเงินเบี้ยหวัด 230 ล้านบาท











