ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

You know me a little go ! สึนามิ “เบน สมิธ” จีน-เทา ภาพกรีดรัฐบาล

การเมือง
17:14
60
 You know me a little go ! สึนามิ “เบน สมิธ” จีน-เทา ภาพกรีดรัฐบาล
อ่านให้ฟัง
09:06อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

“ผมหรือ? ไม่กล้าแตะ You know me a little go. รู้หรือเปล่าแปลว่าอะไร คุณรู้จักผมน้อยไป“ คำตอบของ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เมื่อถูกนักข่าวถาม หลังช่วงค่ำวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีภาพหลุดร่วมเฟรมกับ “เบน สมิธ” หรือ เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ วันเดียวกับปปง.แถลงยึดอายัดทรัพย์สิน เครือข่ายสแกมเมอร์ “เฉิน จื้อ-ก๊กอาน-ยิม เลียก” และกลุ่มทุนจีนเทาเขมรที่เข้ามาฟอกเงินทำธุรกิจในไทย

แม้จะเป็นภาพถ่ายเก่า ตั้งแต่ปี 2558 แต่ผู้ร่วมเฟรมต่างรับรู้ได้ถึงความสั่นสะเทือนไม่ต่างจากถูกคลื่นสึนามิเขย่า โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การเมืองอยู่ในภาวะเปราะบาง และเตรียมเข้าสู่โหมดการเลือก ตั้งในปี 2569 ที่แต่ละพรรคและแต่ละฝ่ายจะต้องชิงไหวชิงพริบ ชิงความได้เปรียบก่อนจะลงสนามจริง

“หากถามว่ารู้จักหรือไม่ รู้จัก เจอกันตามงานก็ทักทาย” นายอนุทิน ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและเบน สมิธ ว่า เป็นความสัมพันธ์ที่รู้จักกัน ในฐานะเพื่อนของเพื่อน และเคยพบกันตามงานประมาณ 5-6 ครั้ง ก่อนที่นายกฯจะย้อนถามกลับสื่อว่า “จำไม่ได้หรือว่า ทำไมเขาถึงไม่ได้สัญชาติ”

และอธิบายต่อว่า การไม่ได้สัญชาติอาจเป็น1 ในข้อหา ที่ถูกออกจากตำแหน่งรมว.มหาดไทย แต่ไม่ใช่การปลดออกจากรัฐบาล แต่ให้ไปเป็นรมว.สาธารณสุขแทน แต่ตนไม่เอาและขอถอนตัวออกจากรัฐบาลต้องพูดกันให้แฟร์ ๆ

ขณะที่ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังที่ปรากฎอยู่ในเฟรมภาพดังกล่าวชี้แจงว่าเป็นภาพเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ขณะเป็นเป็นที่ปรึกษาและอาจารย์หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของ สตช.

“ดูจากรูปภาพยังใส่หน้ากากอนามัยไม่ทราบ “เบน สมิธ” เป็นนักศึกษาร่วมหลักสูตรหรือไม่ เพราะมีทั้งนักศึกษาและคนที่เขาเชิญมาด้วย...พูดจริง ๆ ว่าวันนั้นยังจำไม่ได้ นี่เห็นจากภาพ พอเขาดังขึ้นมาก็นึกออก ไม่ได้เป็นบุคคลสำคัญที่รู้จักกัน ไม่ได้คบหากันแน่นอน ต้องระมัด ระวังตัวมากขึ้นเวลามีคนมาขอถ่ายรูป”

ส่วนความสัมพันธ์กับ “ยิม เลียก”ประธานกลุ่ม BIC GROUP นักธุรกิจกัมพูชานั้น รมว.คลัง บอกว่า ต้องเรียนตรงๆเป็นเรื่องที่ก็งงมากที่คนเอาภาพมาปล่อยเวลาเราไปตามงานต่างๆถ่ายกับใครบ้างก็จำไม่ได้

ส่วนผู้ร่วมเฟรมอีกคน คือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผบ.ทบ. ได้ส่งส่งข้อความและคำชี้แจงมาหาในไลน์ส่วนตัวของ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”ผู้ประกาศชื่อดังโดยระบุว่า

“ผมได้เห็นภาพและขอชี้แจงตามนี้ว่า ภาพแรกเป็นภาพปี 2557 ขณะเรียนหลักสูตร วปอ.และเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักนายเบน สมิธ เป็นนักธุรกิจและมารับประทานอาหารซึ่งยังจำได้ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล พูดในตอนนั้นว่า อเมริกันแชร์ คือ ทุกคนจ่ายค่า อาหารทุกคน ไม่มีใครเลี้ยง”

“ภาพอีกภาพเป็นรูปงานแต่งของลูกสาวและคนมาร่วมงานเยอะ ยืนยัน ส่วนตัวไม่ได้สนิทหรือคบหากับนายเบน สมิธ เป็นการรู้จักแบบผิวเผินกับนายเบน สมิธ”

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังฝากให้ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ชี้แจงแทนอีกรอบ เนื่องจากยังพักรักษาตัวอยู่ในต่างประเทศ ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอว่า ภาพดังกล่าวซึ่งมีทั้งนายอนุทินพล.อ.อภิรัชต์ และคนอื่น ๆ ถ่ายเมื่อปี 2558 ที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ในประเทศสิงคโปร์ เมื่อครั้งผู้ที่เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ไปดูงานต่างประเทศ

“ในภาพ พล.อ.อภิรัชต์ จับไหล่ของ เบน สมิธ และ ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักนั่งกินหรือนั่งคุยด้วยกันเหมือนไปต่างประเทศ แล้วเจอฝรั่งที่พูดไทยได้มาแนะนำตัว กินข้าวก็อเมริกันแชร์ ต่างคนต่างจ่าย”นายชูวิทย์ ระบุ

และย้ำว่า โดยปกติคนหากินในลักษณะแบบ “เบน สมิธ” มักจะพยายามเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจ พวกนี้จะมีอาชีพนายหน้า คือ เข้าหาคนที่ชื่อเสียงและนักการเมือง เช่น ในต่างประเทศการฝากเงินประเทศใดก็ตาม จะเอาเงินไปเปิดบัญชีเงินฝากโดยตรงไม่ได้ ต้องผ่านพวกที่มีอาชีพแนะนำการฝากเงิน โดยใช้วิธีฝากที่เรียกว่า KYC ( Know Your Customer) หรือ บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมืองในประเทศ และแต่ละคนจะมีรหัส Pep ( politically exposed person) ซึ่ง เบน สมิธ จะหาสถานที่ฝากเงินไว้ให้

“สิ่งหนึ่งที่ นายอนุทิน พูดทุก คือ หากเขารู้จักหรือสนิทสนม ทำไมไม่ให้สัญชาติ เบน สมิธ หากย้อนภาพในโต๊ะอาหาร เชื่อว่า เบน สมิธ รู้จักแน่ ๆว่า ใครทำอะไร คนไหนเป็นอย่างไร และเขาอาจจะรู้จักใครคนหนึ่งในนั้นด้วย เพราะเป็นอาชีพของเขา ที่หากินกับค่าคอมมิสชัน”

นายชูวิทย์ ระบุว่า จากภาพชี้ให้เห็นว่า เบน สมิธ มีตัวตน ตั้งแต่ปี 2557 และเป็นเวลานานพอสมควรที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในประเทศไทย ส่วนจะเป็นช่วงก่อนหรือหลังที่มีภรรยาไทยหรือไม่ ไม่ทราบ เขาพยายามเข้ามาผูกกับสายอำนาจต่าง ๆ ของไทย... เชื่อว่า ยิม เลียก กับ เบนสมิธ ผูกกันแน่นอน

“เบน สมิธ มีความเชี่ยวชาญด้านการเมือง มีเครือข่ายและสายสัมพันธ์กับแบงค์ต่างชาติ เหมือนกับ โบรกเกอร์รับฟอกเงิน ต่อหน้า อาจจะเรียก บริหารความมั่นคงทางการเงิน แต่ข้อเท็จจริงคือ หากใครมีเงินสีเทาๆ ไม่สามารถเอาไปฝากต่างประเทศได้ เขาจะมีหน้าที่เอาเงินไปฟอกแล้วกินเปอร์เซ็นต์ ด้วยวิธีการต่าง ๆ” ชูวิทย์ ระบุ

แม้ข้อความที่ผู้เกี่ยวข้องในภาพถ่ายพยายามออกมาอธิบายต่อสังคม จะมีน้ำหนัก แต่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง พรรคไทยสร้างไทย มองต่างมุมว่า

แม้นายเอกนิติออกมาชี้แจงว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่าเมื่อ 5–6 ปีที่แล้ว ถ่ายในหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เมื่อพิจารณาจำนวนภาพอื่น ๆ ที่มีบุคคลสำคัญทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการทหารและตำรวจ นักธุรกิจสายการเงินปรากฏในเฟรมเดียวกัน ยิ่งสะท้อนว่า เครือข่ายสีเทาได้ใช้เวลายาวนานในการแทรกซึมทุกภาคส่วนของไทยอย่างเป็นระบบและแยบยล

“จากข้อมูลที่เปิดเผยโดย ป.ป.ง. มีการอายัดทรัพย์เกี่ยวกับขบวนการนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ สส.ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และภาคประชาสังคมกลับประเมินว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงถึง 26,000 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ก.ล.ต. ยังไม่ขยับ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องจับตาอย่างต่อเนื่อง” พล.ท.ภราดร กล่าว

แม้ภาพถ่ายเพียงใบเดียวจะใช้แทนคำพูดได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด โดยเฉพาะยุคที่กลุ่มทุนจีน-เทา เข้ามามีอิทธิพลการเงินโดยแทรกแซงทุกวงการ ทั้งกลุ่มการเมือง และธุรกิจ มักใช้วิธีไม่ต่างกัน โดยเฉพาะการเข้าหากลุ่มผู้มีอำนาจ ใช้เครือข่ายจากการเข้าอบรม หลักสูตรระดับสูงต่าง ๆ ผ่านสายสัมพันธ์ แฝงตัวเข้าไปอยู่กับกลุ่มการเมือง ข้าราชการ

“You know me a little go”!! รู้จักผมน้อยไป...ผมหรือ? ไม่กล้าแตะ “เบน สมิธ” เป็นคำถามของนายกฯ ที่ประชาชนทั้งประเทศ ยังรอคำตอบและปฎิบัติการที่เป็นรูปธรรมอยู่

อ่านข่าว

สะเทือน ! ยึดหมื่นล้าน "เฉิน จื้อ -ก๊ก อาน" ตัดเครือข่ายสแกมเมอร์เขมร