สิ้นสื่อต้นแบบ 
การ์ตูนแอนิเมชั่นไทยที่โลดแล่นในโฆษณาเป็นครั้งแรกเมื่อ 60 กว่าปีก่อน ไม่เพียงสร้างความแปลกใหม่ให้ผู้ชม แต่การใช้คำซ้ำเพื่อย้ำตราสินค้า และการใช้หนูหล่อเป็นตัวเอก ยังสร้างกระแสนิยม จนเกิดคำติดปากไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่า "เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน" ความคิดสร้างสรรค์ของสรรพสิริ วิรยศิริ ทำให้โฆษณาชุดนี้ได้รับรางวัลโฆษณาดีเด่นระดับภูมิภาคเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์ นอกจากเป็นผู้บุกเบิกวงการโทรทัศน์ไทย ยังเป็นต้นแบบคนข่าวผู้วางรากฐานให้วงการนี้ทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง
การตัดสินใจนำภาพเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และท้องสนามหลวงออกอากาศในช่วงบ่ายวันนั้นตามหน้าที่สื่อมวลชนที่ดี กลับเป็นวันที่ต้องจบอาชีพนักข่าว เนื่องจากถูกปลดจากทุกตำแหน่งในสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 และวิทยุ ททท. รวมทั้งถูกอายัดทรัพย์สิน แม้ถูกกดดันจากผู้มีอำนาจในยุคนั้น แต่สรรพสิริก็ยังภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่สื่อสารความจริง ดังที่เคยกล่าวไว้ว่า" ไม่มีใครมีสิทธิ์ห้ามปรามปกปิด ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะบิดเบือนความจริง อุดมการณ์เช่นนี้ทำให้ผมประสบเคราะห์กรรมลำบากมากมายในชีวิต แต่ผมก็ภูมิใจที่ได้เป็นแค่คนข่าวคนหนึ่ง"
แม้ห่างหายจากงานสื่อมวลชนนานหลายปี แต่ประสบการณ์ยังถูกถ่ายทอดในบทบาทครูผู้สอนสู่นักสื่อสารมวลชนรุ่นหลัง การทำงานโดยคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม และทุ่มเททำงานข่าวตลอดทั้งชีวิต ทำให้ สรรพสิริ วิรยศิริ ได้รับรางวัลนราธิป ในปี 2545 และรางวัลแสงชัย สุนทรวัฒน์ ในปี 2549 ในฐานะปูชนียบุคคลด้านข่าวโทรทัศน์ ผู้เป็นทั้งต้นแบบในการทำงานข่าว และตัวอย่างอย่างการยึดมั่นในจริยธรรม ที่แม้จะจากไปแต่ผลงานก็เป็นตัวแทนตอกย้ำอุดมการณ์ และสะท้อนภาพนักข่าวที่ทำงานโดยมุ่งหวังผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพคุณสรรพสิริ วิรยศิริ จัดที่วัดมกุฏกษัตริยาราม ถึงวันที่ 20 ตุลาคม