ย้อนดูความล้มเหลวของหนังจีนในตลาดต่างประเทศ

แม้เมืองจีนกำลังเป็นแดนสวรรค์สำหรับผู้สร้างหนังในชาติ แต่เมื่อมองไปยังรายได้ยังต่างประเทศแล้ว หนังจากแดนมังกรกลับเสื่อมความนิยมลง เนื่องจากผู้สร้างหันมาผลิตหนังเอาใจผู้ชมชาวจีนด้วยกันเป็นหลัก จึงมักเข้าไม่ถึงผู้ชมในต่างประเทศ

รายได้กว่า 1.26 พันล้านหยวนหรือราว 2 ร้อยล้านดอลลาร์ ทำให้ Lost in Thailand หนังตลกทุนต่ำของผู้กำกับนักแสดง ฉีเจิง เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จทางรายได้มากที่สุดในเมืองจีน และกลายเป็นต้นแบบความสำเร็จให้ผู้สร้างภาพยนตร์หลายคน เลือกทำหนังตลกเบาสมอง ทั้ง Journey to the West ไซอิ๋วฉบับขำขันที่ทำเงินแตะหลักพันล้านหยวน หรือ Finding Mr. Right หนังโรแมนติก คอมมาดี้ ที่ทำเงินในจีนแซงหนังดังจากฮอลลีวูดทั้งภาค 5 ของ Die Hard และ Resident Evil

แต่หนังที่ขายมุกตลกให้กับผู้ชมแดนมังกรเป็นหลัก และทำรายได้ระดับร้อยล้านดอลลาร์ในจีน กลับล้มเหลวในสหรัฐฯทั้ง Let the Bullets Fly หนังตลก แอ็คชั่นของ โจวเหวินฟะ ที่ทำเงินได้เพียง 60,000 ดอลลาร์ หรือ Painted Skin: The Resurrection หนังแฟนตาซี ของเจ้าเหว่ย ก็ทำเงินได้เพียง 50,000 ดอลลาร์ รวมถึง Lost in Thailand ที่ทำเงินไม่ถึง 60,000 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ น้อยกว่ารายได้การฉายในเมืองไทยซึ่งก็ทำได้เพียง 5 ล้านบาทเท่านั้น คือ ตัวอย่างความล้มเหลวของหนังจีนชื่อดังในต่างประเทศ ยืนยันด้วยรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศของหนังจีนในต่างแดนที่ลดลงจากปีก่อนกว่าร้อยละ 48  สวนทางกับการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในจีน โดยปีที่ผ่านมาสามารถแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะตลาดภาพยนตร์อันดับ 2 ของโลกที่รายได้รวม 2,700 ล้านดอลลาร์ และมีการสร้างโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นกว่า 3,000 แห่งในปีที่แล้ว (55) ขณะที่กองทัพหนังจากฮอลลีวูดกลับเข้ามาทำเงินในจีนได้เกินครึ่งของการฉายทั้งประเทศ ส่งผลให้ทางการจีนออกมากระตุ้นให้ผู้สร้างภาพยนตร์ หันมาทำหนังที่ยังคงคุณค่าความเป็นจีน ที่เข้าถึงผู้ชมในระดับนานาชาติมากขึ้น

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนังจีนล้มเหลว มาจากรสนิยมที่แตกต่าง ขณะที่ชาวจีนชอบหนังชวนหัว แต่จุดขายของหนังจีนในสายตาต่างชาติยังคงอยู่ที่การแสดงลีลาศิลปะป้องกันตัวอันตระการตา ซึ่งช่วงหลังมานี้มีให้ชมน้อยลง รวมถึงความเข้มงวดในการเซนเซอร์ ที่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ เมื่อผู้สร้างไม่กล้าผลิตหนังที่มีเนื้อหาท้าทาย และยอมตามอำนาจรัฐ จึงทำได้เพียงให้ภาพยนตร์มีโอกาสแค่เพียงออกฉายเท่านั้น