ศาลโลกไม่ตัดสินพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร "ไทย-กัมพูชา" เน้นเจรจาต่อ

คำพิพากษาพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารที่ชัดเจน สุดท้ายแล้วทั้งไทยและกัมพูชาก็คงต้องเจรจากันว่า จุดที่ศาลโลกชี้ว่า พื้นที่รอบปราสาทหมาย ถึ งชะง่อนผาหรือส่วนแหลมนั้นกินพื้นที่เท่าใด โดยแบ่งตามสภาพภูมิศาสตร์ จุดที่น่าสนใจก็คือด้านตะวันตกของตัวปราสาทที่มีผลต่อการพัฒนาพื้นที่มรดกโลกของกัมพูชา ลองทบทวนคำพิพากษาอีกครั้ง

 

ศาลโลกมีมติเอกฉันท์ 17 เสียงว่า ศาลมีอำนาจตีความคำพิพากษาปี 2505 ที่กัมพูชายื่นให้ตีความพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร หลังจากขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ศาลระบุชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับทั้งเส้นมติคณะรัฐมนตรี ที่ไทยขีดไว้หลังศาลพิพากษาให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาท ขณะเดียวกันก็ไม่ตัดสินเส้นเขตแดนจากแผนที่ 1 : 200,000 ที่กัมพูชาอ้าง

 

แต่ศาลชี้ว่า พื้นที่รอบปราสาท ให้ยึดย่อหน้าที่ 98 ของคำพิพากษาปี 2505 ที่ระบุถึง ชะง่อน หรือส่วนแหลมของที่ตั้งปราสาท ซึ่งกว้างกว่าเส้นมติ ครม. แต่น้อยกว่าเส้น 1 : 200,000 ของกัมพูชา อาจจะรวมถึงพื้นที่ด้านเหนือ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือส่วนหนึ่ง และพื้นที่ด้านตะวันตกอีกส่วนหนึ่ง เป็นพื้นที่รอบปราสาท หรือ vicinity ที่ระบุในคำพิพากษาปี 2505 ทั้ง 2 ประเทศต้องตกลงร่วมกันว่า ชะง่อนหรือส่วนแหลม ที่แบ่งตามภูมิศาสตร์กินพื้นที่เท่าใด ส่วนพื้นที่พิพาททั้งหมด 4.6 ตร.กม.ให้ 2 ประเทศตกลงกันเอง ศาลไม่ชี้เส้นเขตแดน

 

คำพิพากษาของศาลโลกให้ความสำคัญในการที่ทั้ง 2 ประเทศจะเจรจากัน โดยศาลรับฟังข้อต่อสู้ของไทยว่าคำพิพากษาปี 2505 ไม่ได้ตัดสินพื้นที่บริเวณรอบ ศาลรับตีความเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับพื้นที่ใกล้เคียงปราสาทปี 2505 โดยอธิบายว่า เป็นพื้นที่เล็กที่ประกอบด้วยยอดเขาพระวิหาร ไม่รวมพื้นที่ภูมะเขือ สุดท้าย ศาลแนะนำให้ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมืออนุรักษ์ปราสาทพระวิหารในฐานะที่เป็นมรดกโลก