ขยายพื้นที่ชุมนุมถนนราชดำเนิน รองรับมวลชน
ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า เข้าสู่วันที่ 24 ของการชุมนุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม นำโดยแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ เหลือเวลาอีกเพียง 1 วันก็จะถึงกำหนดนัดหมายมาตรการระดมมวลชนตามเป้าหมายของแกนนำคือ 1 ล้านคน เพื่อเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล และโค่นล้มสิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกว่าระบอบทักษิณ
ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีมวลชนที่จับกลุ่มเดินทางมาจากต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อคืนนี้ จับจองพื้นที่ใต้เต็นท์ เพื่อรอเข้าร่วมกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) โดยมีการติดสัญลักษณ์แสดงข้อความบ่งชี้ถึงการเป็นแนวร่วมจากกลุ่มต่างๆ อย่างเสื้อ ผ้าโพกศีรษะ หรือป้ายข้อความ ทำให้บรรยากาศเช้าวันนี้มีผู้ชุมนุมหนาแน่นแตกต่างจากวันก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด
ส่วนบนเวทีเริ่มมีการจัดรายการสดลักษณะเล่าข่าว และพูดคุยทำความเข้าใจถึงการนัดรวมมวลชนวันพรุ่งนี้ รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของการชุมนุม เพื่อให้มวลชนจากแนวร่วมที่เดินทางมาถึงนั้นเข้าใจแนวทางปฏิบัติของทีมการ์ดรักษาความปลอดภัย
ขณะที่การเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการนัดรวมมวลชนมีการจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงการนำเต็นท์ผ้าใบ จอภาพ และเครื่องขยายเสียงติดตั้งตามจุดต่างๆ ขยายออกไปจากเดิม คือถนนราชดำเนินกลาง ฝั่งแยกป้อมมหากาฬ มาตามถนนหลานหลวง ถึงบริเวณแยกจักรพรรดิ์พงษ์ ส่วนบริเวณด้านหลังเวทีจากแยกคอกวัว ขยายไปตามถนนราชดำเนินกลาง ถึงบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดของการชุมนุมกลุ่ม คปท.ที่ย้ายออกจากเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์มาปักหลักที่แยกนางเลิ้งแทนนั้น ขณะนี้ สามารถตั้งเวทีปราศรัย และเต็นท์รองรับผู้ชุมนุมเสร็จสิ้นแล้ว โดยมีการขยับพื้นที่จากแยกนางเลิ้ง ร่นมาบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครแทน โดยทางแกนนำนั้นเตรียมประชุมกำหนดท่าทีหลังจากนี้อีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม มีแนวร่วมอีกกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่ม คปท.บางส่วนยังมีการปักหลักชุมนุมต่อบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยเฉพาะกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรส่วนยางพาราและปาล์มน้ำมันภาคใต้ และยังไม่มีการคืนพื้นที่ชุมนุม หรือว่ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างใดๆ ผู้ชุมนุมบางส่วนนั้นบอกว่ายังรอการเดินทางมาสมทบของแกนนำ และมวลชน เพื่อร่วมชุมนุมที่เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันพรุ่งนี้
ด้านชาวบ้านที่อาศัยบริเวณถนนลูกหลวงร้องเรียนปัญหาการนำแท่งปูนขนาดใหญ่ และรั้วลวดหนามมากีดขวางเส้นทางเข้าออกชุมชน ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันเหตุของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากหลังแนวรั้วลวดหนามนี้จะสามารถมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งสะพานอรทัยได้ ซึ่งชาวบ้านก็ร้องขอให้เจ้าหน้าที่นั้นย้ายแนวกั้นไปปิดบริเวณสะพานอรทัยแทน