นายประเสริฐ ชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาเป็นการเข้าใจผิดและข้อมูลคลาดเคลื่อน กรณีการเบิกจ่ายโบนัสเมื่อปี 2553 ให้พนักงานและผู้ปฏิบัติงานซึ่งทำหน้าที่ภายใต้คำสั่งของนายประสิทธิ์ ประพิณมงคลการ ประธาน กทช. ในขณะนั้น ซึ่งนายประสิทธิ์ได้วินิจฉัยให้จ่ายได้ตามระเบียบ ในจำนวนนี้มีพนักงาน 2 คน ที่ลาศึกษาต่อภายในประเทศ แม้พนักงานทั้ง 2 คนได้ขอคืนเงินแล้วก็ตาม กรณีดังกล่าวจึงไม่ถือว่าทุจริตหรือปลอมเอกสาร
นายประเสริฐ เป็น 1 ในข้าราชการ 45 คนที่มีรายชื่อแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 16/2558 ลงวันที่ 15 พ.ค.2558 เรื่องมาตรการแก้ปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว สั่งให้ย้ายไปดำรงตำแหน่งอัตรากำลังชั่วคราว
นายประเสริฐ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สาเหตุหลักของข้อกล่าวหาในเรื่องนี้อาจมาจากความขัดแย้งส่วนตัวกับนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เนื่องจากระหว่างที่ตนทำหน้าที่ คณะกรรมการติดตามประเมินผล กสทช.ได้ตรวจสอบข้อร้องเรียนอยู่ 3-4 กรณี ซึ่งมีบางกรณีที่เกี่ยวข้องกับเลขาธิการ กสทช.
ประเด็นที่คณะกรรมการฯ ตรวจสอบการทำงานของ กสทช. เช่น การจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณที่มีราคาสูง เช่น การซื้อไอแพดราคา 75,000 บาท ความไม่ชัดเจนของคุณสมบัติและการเชื่อมโยงโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คุณสมบัติของอุปกรณ์ที่ไม่ชัดเจนว่าจะมีประสิทธิภาพการดักรับฟังสัญญาณหรือไม่ โดยมีมูลค่าทุกโครงการที่เกี่ยวข้องรวม 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบการทำงานของสำนักงาน กสทช.ต่อประเด็นการแจกคูปองส่วนลด 690 บาทเพื่อให้ประชาชนรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลได้ โดยคณะกรรมการพบว่ามีคูปองตกค้างจำนวนมาก และผู้ผลิตไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ซึ่งนายประเสริฐกล่าวว่าจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ตรวจสอบต่อไป
ด้านนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช.เป็นตัวแทนรับหนังสือพร้อมเปิดเผยว่า กสทช.ได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัยกรณีนายประเสริฐถูกกล่าวหาเรื่องการปลอมแปลงเอกสารไปแล้ว แต่การวินิจฉัยขั้นสุดท้ายอยู่ที่ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธาน กสทช. คนปัจจุบัน ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่นายประเสริฐตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานของสำนักงาน กสทช. นั้น บางเรื่องอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของ สตง. แล้ว