“พล.ต.สนั่น” เดินหน้าประสานปรองดอง
การจัดกิจกรรมของกลุ่ม นปช.ได้รับคำชื่นชมว่าเคารพกรอบของกฎหมาย แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเตรียมเพิ่มความเข้มข้นการทำงานด้านการข่าว หลังประเมินจำนวนผู้เข้าร่วมต่ำเกินควรเป็นเหตุให้การจราจรติดขัด ขณะที่ “พล.ต.สนั่น” เดินหน้าเป็นสื่อกลางประสาน 2 ฝ่ายเพื่อความปรองดองในชาติ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าเยี่ยมแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังประกาศตัวเป็นสื่อกลางประสานรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพื่อเดินหน้าสร้างความปรองดองในบ้านเมือง โดยหลังใช้เวลาในเรือนจำประมาณ 45 นาที ก็ออกมาเปิดเผยว่า ได้แจ้งวัตถุประสงค์ส่วนตัวต่อแกนนำ นปช.แล้ว และได้รับการตอบรับที่จะร่วมเดินหน้าสร้างความปรองดอง โดยไม่มีเงื่อนไขใดเข้ามาเกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะกรรมการติดตามการทำงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พร้อมญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีตรวจสอบการเสียชีวิตของผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง 89 ราย ซึ่งนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ชี้แจงขั้นตอนการทำงาน และยอมรับว่า รายละเอียดการชันสูตรไมชัดเจน เป็นเหตุให้ต้องตั้งคณะทำงานตรวจสอบขึ้น และกำหนดกรอบเวลาการทำงานไว้ 45 วัน พร้อมกล่าวย้ำให้ผู้เห็นเหตุการณ์ได้เข้าชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมในคดีและยืนยันที่จะกันผู้ให้ปากคำเป็นพยาน
แม้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง จะกล่าวขอบคุณการทำงานพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการดูแลควบคุมการจัดกิจกรรมของกลุ่มนปช.ที่แยกราชประสงค์ให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวย้ำที่จะตรวจสอบการทำงานด้านการข่าวเพิ่มเติม เนื่องจากยังคงประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไป โดยเฉพาะจำนวนผู้ชุมนุมที่ระบุหลักพัน แต่สถานการณ์จริงกลายเป็นหลักหมื่น จนส่งผลกระทบต่อการจราจร
ส่วนที่เวทีแยกราชประสงค์วานนี้ (19 ก.ย.) กลุ่ม นปช.จัดกิจกรรมทางการเมืองเชิงสัญลักษณ์ เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ยึดอำนาจรัฐประหารและการชุมนุมใหญ่ที่ผ่านมา แม้กิจกรรมจะผ่านพ้นไปด้วยความราบรื่น แต่ในช่วงเย็นถึงค่ำวานนี้ (19 ก.ย.) ก็เกิดเหตุวุ่นวายเล็กน้อย โดยเฉพาะการจราจร