วันนี้ (1 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า บรรยากาศภายในศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลยังคงเป็นปกติ คาดว่าเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนจะเดินทางมาถึงภายใน 1-2 ชม. ซึ่งการนัดหมายครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเครือข่ายฯ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ยกเลิกคำสั่งที่อาศัยมาตรา 44 ยกเว้นผังเมือง เมื่อวันที่ 4 ก.พ. แต่ไม่มีการตอบรับจากรัฐบาล ชาวบ้านและนักวิชาการจึงได้เดินทางมายังกรุงเทพมหานคร และชุมนุมยืดเยื้อนานกว่า 1 เดือน โดยการประชุมจะมีขึ้นในเวลา 10.00 น.
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. เครือข่ายภาคประชาชนรวม 109 องค์กรได้ร่วมลงนามและยื่นหนังสือเพื่อให้เวลานายกรัฐมนตรีพิจารณาข้อเรียกร้องถึงวันที่ 22 ก.พ. หลังจากนั้นมีประชาชนหลายจังหวัดทั่วประเทศ ยื่นหนังสือเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด
วันที่ 23 ก.พ. เครือข่ายภาคประชาชนกลับมารวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามคำตอบเรื่องดังกล่าว โดยใช้เชือกสีขาวมัดมือตัวเองเป็นสัญลักษณ์ถึงการถูกมัดมือชก การรวมตัวครั้งนี้ยังไม่มีการตอบรับจากรัฐบาล กระทั่งวันที่ 24 ก.พ. ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง แจ้งขอให้ชาวบ้านยกเลิกการชุมนุมระหว่างการรวมตัวด้านหน้าองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไท (ยูเอ็น) เพราะไม่ได้ขออนุญาตชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะปี 2558 หลังจากนั้นชาวบ้านยื่นขอชุมนุมตามขั้นตอน แต่ไม่ได้รับอนุญาต โดยมีการยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 24 ก.พ. แต่ไม่เป็นผล จากนั้นรัฐบาลส่งตัวแทนมาหารือกับผู้ชุมนุมเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นที่มาของการนัดหมายครั้งนี้
ระหว่างการชุมนุมจนครบ 7 วันในวันนี้ เครือข่ายได้รณรงค์สร้างความเข้าใจเรื่องผังเมืองและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการยกเว้นผังเมืองเพื่อกิจการบางประเภท ด้วยกิจกรรมที่เรียกว่า "แคร์ สทัดดี ทัวร์" ซึ่งเป็นการเดินทางไปในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งแล้ว เช่น จ.ฉะเชิงเทรา จ.ปทุมธานี
สำหรับการหารือในวันนี้ จะเน้นไปที่การสะท้อนปัญหาของชุมชนจากหลายจังหวัดซึ่งได้รับผลกระทบจากคำสั่งยกเว้นผังเมือง โดยมีตัวแทนจากรัฐบาล กรมโยธาธิการและผังเมือง ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง