วันนี้ (31 มี.ค. 2559) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ เมืองบัลมอร์ รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐฯ แถลงถึงความสำเร็จการผ่าตัดเปลี่ยนตับและไตจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตจากไวรัสเอชไอวี ให้กับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเอชไอวีด้วยกันได้เป็นครั้งแรกในสหรัฐฯ ช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วยเอชไอวี ที่ต้องเข้าคิวรอรับบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวีเป็นเวลานาน โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเริ่มฟื้นตัวและมีอาการดีขึ้น
นพ.ดอร์รี ซีกีฟ หนึ่งในศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเปิดเผยว่า การผ่าตัดมีขึ้นหลังทีมแพทย์ตระหนักถึงความเป็นจริงว่า อวัยวะจากผู้บริจาคที่เสียชีวิตจากไวรัสเอชไอวี ที่จริงยังสามารถนำมาใช้ได้หลังต้องทิ้งไปเพราะมีเชื้อไว้รัส
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาไม่เคยมีการผ่าตัดในลักษณะนี้เกิดขึ้นมาก่อน กระทั่ง มีการตรากฏหมายขึ้นใหม่ในปี 1980 โดยแก้ไขให้แพทย์ใช้อวัยวะจากผู้ป่วยเอชไอวีได้ โดยผู้ป่วยเอชไอวีที่จำเป็นต้องเปลี่ยนอวัยวะ สามารถเลือกได้ว่าจะใช้อวัยวะจากผู้บริจาคติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้บริจาคที่ไม่ติดเชื้อ จากเดิมที่ห้ามใช้เด็ดขาด
ผู้ป่วยเอชไอวีในสหรัฐฯ มีสิทธิ์ตามกฎหมาย ที่จะขอรับบริจาคอวัยวะจากผู้บริจาคที่ไม่ติดเชื้อเหมือนกับผู้ป่วยทั่วไป แต่ก็ต้องลงชื่อเข้าคิวรอเป็นเวลานานโดยเฉพาะไต ซึ่งมีผู้ขอรับบริจาคมากกว่า 100,000 คน ส่งผลผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างรอจำนวนหลายพันคนในแต่ละปี
ทั้งนี้ คณะแพทย์ในแอฟริกาใต้ก เคยผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาคติดเชื้อเอชไอวีให้กับผู้ป่วยเอชไอวี จนประสบความสำเร็จเช่นกัน แต่การผ่าตัดเปลี่ยนตับจากผู้บริจาคติดเชื้อเอชไอวีให้กับผู้ป่วยเอชไอวีโดยคณะแพทย์มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกิ้นส์ ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลก
ข่าว 09.00 น. พฤหัสบดี 31 มี.ค.59กระแสโลก แพทย์สหรัฐฯผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะให้กับผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี
โพสต์โดย ข่าว 09.00 Thai PBS บน 30 มีนาคม 2016