วันนี้ (20 พ.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดขายหน่วยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ฟันด์) ซึ่งรับประกันผลตอบแทนไม่น้อยกว่าร้อยละ 7-8 ต่อปี ต้องล่าช้ากว่ากำหนดตามแผนเดิม คือภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และกระทรวงคมนาคม กังวลว่าการระดมทุนผ่านกองทุนดังกล่าว จะมีต้นทุนสูงกว่าการกู้โดยใช้เครดิตประเทศค้ำประกันเหมือนที่เคยทำปกติ เนื่องจากกองทุนต้องคำนวณความเสี่ยงจากการลงทุนเพิ่มเข้าไป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี สั่งให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ปรับความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกองทุนดังกล่าวจะเป็นแหล่งเงินสำคัญ สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างพื้นฐานของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีนักลงทุนแสดงความสนใจจำนวนมาก พร้อมกำชับให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนมิถุนายน และเปิดขายหน่วยลงทุนให้ได้ภายในเดือนกันยายน 2560 พร้อมขอให้ กทพ.เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์เฉพาะส่วนองค์กร
ขณะที่นายเอกนิติ กล่าวว่า สคร.ได้เตรียมร่างสัญญากำหนดเงื่อนไขการเก็บรายได้ การจ่ายผลตอบแทน และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องอื่นๆ (อาร์ทีเอ) เสร็จแล้ว หากเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ ก็จะเสนอร่างอาร์ทีเอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ และสามารถดำเนินการเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ได้
นอกจากนี้ ยังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยยังคงเป็นหน่วยงานที่เบิกจ่ายงบลงทุนได้ต่ำที่สุด เพียง 14,000 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 24 ของแผนการลงทุนรัฐวิสาหกิจทั้งหมด ทั้งที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีแผนการลงทุนสูงสุดเกือบ 60,000 ล้านบาท ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับรองนายกรัฐมนตรี จนต้องโทรศัพท์ตรงถึงนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยให้รับทราบนโยบาย เนื่องจากหากปล่อยให้การลงทุนรัฐวิสาหกิจล่าช้า อาจกระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2 จากไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 3.3