วันนี้ (25 มี.ค.2562) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส หลังรับทราบรายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยระบุว่า การที่พรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงจำนวนมาก อาจเป็นเพราะสาเหตุที่ประชาชนอยากให้ประเทศไทยสงบ ไม่มีคตวามขัดแย้ง เนื่องจาก พปชร.เน้นเสมอว่าจะไม่ขัดแย้งหรือทะเลาะกับใคร และหลายนโยบายที่เน้น โดยเฉพาะนโยบายบัตรประชารัฐที่จะขยายผลและเดินหน้าต่อ ทำให้ประชาชนสามารถจับต้องและพึงพาได้ ซึ่ง พปชร.ยืนยันเดินหน้าต่อ ขณะที่พรรคอื่นพูดกลับไปกลับมาจนประชาชนสับสนและขาดความเชื่อมั่น
ซึ่งวันนี้ยังต้องติดตามผลคะแนนของ กกต. ซึ่งคิดว่าตัวเลขที่ออกมาในขณะนี้จะไม่เปลี่ยน เพราะหากนับต่อไปคะแนนที่ทิ้งห่างกว่า 400,000 เสียงน่าจะเพียงพอ ซึ่งเราได้รับคะแนนเสียงสูงที่สุดในเรื่องความนิยม ส่วนเรื่องของเขตนั้น พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดควรจะได้ ส.ส.มากที่สุดเช่นกัน เพราะเป็นการไปชดเชยปาร์ตี้ลิส แต่หากพรรคเพื่อไทยได้เสียงน้อยกว่าพรรคพลังประชารัฐ แต่ได้รับจำนวนเสียงในสภาฯ มากกว่า มีอยู่กรณีเดียวคือพรรคเพื่อไทยได้เขตมากกว่าพรรคพลังประชารัฐ และอาจไม่ได้ปาร์ตี้ลิส
ส่วนที่คนมองว่าพรรค พปชร.ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น นายกอบศักดิ์ได้ยกตัวอย่างถึงพรรคอนาคตใหม่ ว่าก็เป็นพรรคที่ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากที่สุดในบรรดาทุกพรรค เนื่องจากได้เขตน้อยกว่าประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย แต่สุดท้ายจำนวน ส.ส.ก็อาจจะมากกว่า 2 พรรคนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะคะแนนที่ตกน้ำและไม่มี ส.ส.ที่เป็นที่ถูกใจ แต่ฐานเสียงเล็กๆ น้อยๆ ทุกเขตที่มารวมกันจึงทำให้กลายเป็นพรรคขนาดใหญ่อันดับ 3 แตกต่างกับกรณีของพรรคเพื่อไทยที่เกิดจากการตัดสินใจของพรรค ซึ่งต้องยอมรับผลพวงนั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและกลยุทธ์ของแต่ละพรรค
คิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้อยากจะให้เสียงของ ส.ส.สอดรับกับเสียงของประชาชนที่ให้มา ขณะนี้ต้องรอดูต่อไป เพราะในแต่ละเขตคะแนนห่างกัน 1,000 บางเขต 700
เมื่อถามว่าหากคะแนนความนิยมของพรรคพลังประชารัฐสูงกว่าพรรคเพื่อไทย แต่จำนวนที่นั่ง ส.ส.น้อยกว่า ยังยืนยันหรือไม่ว่ามีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลก่อนพรรคเพื่อไทย หรือจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร นายกอบศักดิ์ ตอบว่า ขณะนี้หัวพรรคยืนยันว่าจะเดินหน้า ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็เดินหน้าเช่นกัน ซึ่งพรรคที่จะได้ครองรัฐบาลคือพรรคที่มี 251 เสียง พปชร.มีความจำเป็นที่จะต้องได้ 251 เสียงให้ได้ เพราะถ้าไม่ได้ 251 เสียงในสภาล่าง เรื่องตั้งรัฐบาลก็เดินหน้าไม่ได้ เนื่องจากการผ่านนโยบายรัฐบาลต้องมีการรองรับจากสภาล่าง โดยเป้าหมายแรกคือต้องทำให้เสียงเกินครึ่ง เพราะมันจะทำให้เกิดเสถียรภาพของรัฐบาล
พร้อมยอมรับว่าขณะนี้ผู้บริหารพรรคอยู่ระหว่างหารือและพูดคุยกับทุกพรรคที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง พปชร.เคารพการตัดสินใจของทุกคนและยืนยันเดินหน้าต่อไปบนเงื่อนไขที่จะทำให้ประเทศชาติเดินต่อและไม่มีความขัดแย้ง ส่วนเรื่องการเจรจาต่อรองระหว่างพรรคการเมืองนั้นคิดว่าทุกพรรคยังคงรอดูผลคะแนน
แต่ละพรรคจะพยายามพูดคุยเพื่อหาทางเดินหน้า คิดว่าทุกพรรคต้องพยายามเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้กับพรรคตัวเอง
หลังจากนี้หาก พปชร.มีโอกาสตั้งรัฐบาลและเจอพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็งก็พร้อมรับมือ ถือว่าเป็นเรื่องปกติและควรให้โอกาส ซึ่งหลังการเลือกตั้งการเมืองไทยจะเปลี่ยนไปและจะเข้าสู่ระบบปกติโดยมีพรรคฝ่ายค้านอยู่ในสภา ขณะเดียวกันก็มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน จึงเป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตย