วันนี้ (6 ส.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจชุดทำคดีระเบิดป่วนกรุงเทพมหานคร ยังคงสืบสวน สอบสวน แกะรอยผู้ต้องสงสัยวางระเบิดกันรายวัน พร้อมกับการทำงานลงพื้นที่แกะรอยหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อประกอบการยืนยันตัวบุคคลต้องสงสัยให้ชัดเจนมากที่สุด ก่อนยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาล
สำหรับผู้ต้องสงสัยวางระเบิดในพื้นที่ศูนย์ราชการ 2 คน มีพยาน หลักฐานแวดล้อมมากพอสมควร แต่ตำรวจยังไม่ขอหมายจับ โดยระบุเหตุผลว่า จะรอผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ประกอบการยืนยันตัวบุคคลให้ชัดเจน เพื่อให้การออกหมายจับระบุตัวผู้ต้องสงสัย เป็นไปอย่างแม่นยำ ไม่ผิดตัว
นอกจากนี้ เมื่อได้ผลดีเอ็นเอยืนยันตัวบุคคลแล้ว ทางการสืบสวนจะนำรายชื่อบุคคลต้องสงสัย ไปเทียบเคียงกับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง เป็นผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ด้วย เนื่องจากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ใช่คนรุ่นใหม่ หรือมือใหม่ทั้งหมด
แต่มีบางคนที่มีชื่ออยู่ในกลุ่มบุคคลเฝ้าระวังก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ด้วย
ส่วนแนวทางการสืบสวนในระยะนี้ จะเน้นไปที่การรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ของนายลูไซ แซแง และนายวิลดัน มาหะ ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมได้ เช่น เสื้อผ้าชุดที่สวมใส่และใช้เปลี่ยนเพื่ออำพรางตัวเอง และพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง มาประกอบสำนวนการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตามอำนาจในการควบคุมตัว ซึ่งแนวทางการดำเนินคดีสามารถชี้แจงได้ว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คน เริ่มต้นเข้ามาก่อเหตุอย่างไร และเพราะเหตุใดตำรวจจึงสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นผู้ก่อเหตุ รวมถึงบุคคลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ให้การช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางอ้อม
ขณะที่การสืบสวนสอบสวน ขณะนี้ สอบปากคำไปแล้วหลายปาก ส่วนการสืบสวน ตำรวจพบข้อมูลทั้งผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ และผู้ให้การสนับสนุน ไปจนถึงกลุ่มนายทุนในต่างประเทศ มีคนที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 20 คน ข้อมูนี้ ตำรวจสันนิษฐานว่ามีความเป็นไปได้ เพราะสอดคล้องกับข้อมูลการเดินทางเข้าและออกต่างประเทศผ่านด่านชายแดนใน จ.นราธิวาส ของนายลูไซและนายวิลดัน 2 ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงก่อนเกิดเหตุระเบิดขึ้นด้วย
ตลอดคืนที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยวางระเบิดได้อีก 2 คน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันข้อมูลได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่