วันนี้ (23 ธ.ค.2562) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการเพิ่มขึ้นของค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐานตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา ซึ่งเริ่มมาจากผลของไฟป่าในประเทศอินโดนีเซีย ประกอบกับฝนทิ้งช่วงและต่อเนื่อง รวมทั้งมีภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ฤดูหนาวและอากาศนิ่ง ทำให้ค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองขนาดเล็กที่กรมควบคุมมลพิษวัดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
พระสงฆ์อาพาธเพิ่ม
ข้อมูลของโรงพยาบาลสงฆ์พบว่า มีพระภิกษุได้รับผลกระทบต่อสุขภาพมีอาการอาพาธเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ อาการหอบกำเริบในโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและหอบหืด หลอดลมอักเสบติดเชื้อ และภาวะปอดอับเสบ ส่งผลให้จำนวนพระสงฆ์อาพาธต้องนอนโรงพยาบาลเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว คือ จากเดิมเฉลี่ย 5 รายต่อเดือน (เมษายน-กันยายน 2562) มาเป็น 11 รายต่อเดือน (ตุลาคม-ธันวาคม 2562) และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง
ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สาเหตุส่วนใหญ่ของการหอบกำเริบในโรคหลอดลมอุดตันเรื้อรังและหอบหืด เนื่องจากการสูดควันและฝุ่น PM2.5 ในช่วงบิณฑบาตตามท้องถนน ชุมชนตลาด โรงงานต่าง ๆ ทุกวัน รวมถึงการนั่งยานพาหนะที่เปิดโล่ง เช่น การนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ รถตุ๊กตุ๊ก รถไฟ
นอกจากนี้ ยังพบว่าพระภิกษุมีอาการหอบกำเริบภายหลังการประกอบกิจสงฆ์ และงานต่าง ๆ ภายในวัด เช่น การจุดธูป การกวาดขยะมูลสัตว์ที่มีจำนวนมากในวัด การเผาขยะมูลฝอย การเผาศพ การก่อสร้างในวัด และไม่ได้ใส่เครื่องป้องกัน เช่น หน้ากากอนามัย ซึ่งพระภิกษุสามเณรเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจยังไม่ได้การรณรงค์และดูแลให้ความสำคัญในภาพรวมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ชวนถวายหน้ากากป้องกันฝุ่น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสงฆ์รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำทุกครั้งที่ผู้ป่วยมารับบริการผ่านสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับการป้องกันและการดูแลสุขภาพในพระภิกษุอาพาธโรคปอดเรื้อรัง รวมทั้งมีการแจกหน้ากากอนามัย บริการส่งยาโรค ประจำตัวไปทางไปรษณีย์ การออกหน่วยเยี่ยมตามวัดต่าง ๆ ในช่วงที่มีสถานการณ์ค่าฝุ่นเกินเกณฑ์ พร้อมแนะนำให้พระสงฆ์ที่บิณฑบาต รวมทั้งพุทธศาสนิกชนที่ตักบาตรตอนเช้าสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน ฝุ่น PM2.5 และขอเชิญชวนประชาชนทำบุญด้วยการถวายหน้ากากอนามัยแด่พระสงฆ์ เพื่อเป็นการร่วมส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์อีกทาง
หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติจากการได้รับควันฝุ่น PM2.5 สามารถปรึกษาได้ที่โทร. 0-2354-4305 ต่อ 5213 ในวันจันทร์- ศุกร์ เวลา 08.00- 12.00 น. หรือโทร 0-2354-4305 ต่อ 5121 ในวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอด 24 ชั่วโมง