วันนี้ (31 ม.ค.2563) องค์การอนามัยโลก ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน หลังเปิดประชุมฉุกเฉินครั้งใหม่เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.)
นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า เหตุผลหลักในการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไม่ใช่สถานการณ์การระบาดในจีน แต่เป็นอุบัติการณ์ของโรคที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่และพบการติดเชื้อจากคนสู่คนเพิ่มขึ้นนอกประเทศจีน
นอกจากนี้ นายกีบรีเยซุสยังแสดงความวิตกว่าเชื้อจะแพร่กระจายไปยังประเทศที่มีระบบสาธารณสุขอ่อนแอ โดยการประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งเคยประกาศมาแล้วเมื่อครั้งการระบาดของไวรัสอีโบลา ไวรัสซิกา และไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1 จะเปิดทางให้นานาชาติเพิ่มความร่วมมือเพื่อหาทางควบคุมการระบาดของโรค
คำประกาศขององค์การอนามัยโลกมีขึ้นในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนยังคงพุ่งสูงและพบการระบาดในทุกภูมิภาคของจีน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อในจีน เมื่อวันที่ 30 ม.ค. พุ่งสูงกว่า 8,100 คน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 170 คน นอกจากนี้ยังพบผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ใน 18 ประเทศทั่วโลกอีกกว่า 100 คน และพบการติดเชื้อจากคนสู่คนในเยอรมนี, ญี่ปุ่น, เวียดนาม และสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตนอกประเทศจีน ขณะที่ฟิลิปปินส์และอินเดียยืนยันพบผู้ติดเชื้อคนแรก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
19 วัน ผู้ติดเชื้อ "โคโรนา" ทั่วโลกพุ่ง 6,066 คน
นักวิจัยจีนพบยา 3 ชนิดมีฤทธิ์ต้าน "ไวรัสโคโรนา" ในระดับเซลล์
เงื่อนไขประกาศภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขระหว่างประเทศ
การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของกฎอนามัยระหว่างประเทศ ปี 2548 หรือ International Health Regulations ซึ่งกฎอนามัยระหว่างประเทศมีสถานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ชาติสมาชิกองค์การอนามัยโลกทุกประเทศต้องปฏิบัติตาม เพื่อป้องกันและควบคุมโรค
การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศขององค์การอนามัยโลก จะต้องเข้ากับเงื่อนไขอย่างน้อย 2 ข้อ จากทั้งหมด 4 ข้อ ต่อไปนี้
1. มีผลกระทบด้านสาธารณสุขอย่างรุนแรง
2. มีความผิดปกติ หรือไม่คาดคิดมาก่อน
3. มีความเสี่ยงสูงที่จะระบาดข้ามประเทศ
4. มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องจำกัดการเดินทาง หรือการค้าระหว่างประเทศ
การประกาศภาวะฉุกเฉินย่อมส่งผลกระทบต่อการค้า นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของประเทศต้นทาง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทุกประเทศต้องเริ่มตื่นตัวและดำเนินมาตรการอย่างรัดกุม เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
สายการบินทยอยระงับเที่ยวบินไปจีน
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีผู้ป่วยติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหายและออกจากโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศจีน ทำให้ชาวจีนมีความเชื่อมั่นว่าทางการจะสามารถป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสไว้ได้
ขณะที่สายการบินระหว่างประเทศ ระงับเที่ยวบินไปจีนเพิ่มมากขึ้น หลังการระบาดของเชื้อโคโรนาในจีนยังทวีความรุนแรง ล่าสุดสายการบินแอร์ ฟรานซ์ ของฝรั่งเศส ระงับเที่ยวบินไปจีนจนถึงวันที่ 9 ก.พ.นี้ หลังถูกกดดันอย่างหนักจากสหภาพพนักงานการบิน นอกจากนี้สายการบินเอธิโอเปียน แอร์ไลน์ ของเอธิโอเปีย ก็ระงับเที่ยวบินไปจีนทั้งหมดเช่นกัน