ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กองปราบปราม นำกำลังเข้าตรวจสอบภายในร้านค้าทองคำแห่งหนึ่งย่านวังบูรพา พร้อมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังมีหลักฐานเส้นทางการเงินกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดหลายเครือข่ายโอนเงินเข้ามาที่ร้านค้าทองคำแห่งนี้ เพื่อซื้อทองคำครั้งละจำนวนมาก
ตำรวจขยายผลจากการจับผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ย้อนหลังไป 3 ปี พบว่าหลายเครือข่ายมีเส้นทางการเงินที่โอนค่ายาเสพติดเข้ามาในหลายธุรกิจ ทั้งร้านค้าทองคำ ปั้มน้ำมัน และธุรกิจขนส่งขนาดใหญ่
การเข้าตรวจสอบร้านค้าทองคำเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร พบมีเงินค่ายาเสพติดโอนเข้ามากว่า 590 ล้านบาทใน 6 เครือข่ายค้ายาเสพติด รวมถึงที่จังหวัดตาก และกาญจนบุรี เงินเข้ามากว่า 250 ล้านบาทใน 3 เครือข่าย และพื้นที่ภาคใต้และภาคเหนือที่พบเงินหมุนเวียนรวมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทใน 20 เครือข่ายค้ายาเสพติด
ข้อมูลจากตำรวจปราบปรามยาเสพติด พบเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับร้านทองแห่งนี้ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท จากการขยายผลจับผู้ต้องหาในคดียาเสพติด 5 คดี พบผู้ต้องหาโอนเงินค่ายาเสพติดไปให้นายสุทธิชัย ไกรทวี และนายทิพากร พงษ์ไทย ที่มี 16 บัญชี เปิดไว้รับเงินค่ายาเสพติดจากทั่วประเทศ มีเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท
เมื่อได้เงินค่ายาเสพติดมาแล้ว พบว่านายสุทธิชัยโอนเงินไปซื้อทองคำแท่งร้านทองในกรุงเทพฯ และกาญจนบุรี ครั้งละ 10 กิโลกรัม เป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท และเงินที่อยู่ในบัญชีของเครือข่ายเดียวกัน มีเงินโอนไปซื้อทองคำแท่งที่ จ.ตาก ครั้งละ 10-20 กิโลกรัม เป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท เมื่อเงินถูกโอนไปซื้อทองคำแล้วก็จะมีคนมารับทองคำจากร้านออกไป ซึ่งบุคคลเหล่านี้พบว่าเป็นคนสัญชาติเมียนมา
ที่ผ่านมาพบยังมีขบวนการค้ายาเสพติดจำนวนมาก เพราะด้วยกลุ่มเส้นทางการเงินเหล่านี้ที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญ อาศัยช่องทางโอนเงินขอธนาคารที่สะดวกมากขึ้น ทำให้ที่ผ่านมาการจับผู้ต้องหาเหล่านี้จะพบว่ามีการถือบัญชีธนาคารของผู้อื่นและทำธุรกรรมด้วยตัวเองอยู่จำนวนมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขยายผลเครือข่าย "ดาวเรือง" ฟอกเงินซุกร้านทอง 3,000 ล้านบาท