วันนี้ (11 ส.ค.2563) นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการประชุมผู้ประกอบการโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ว่า ขณะนี้โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนสถานการณ์ COVID-19 จาก 9 แห่ง เป็น 30 แห่ง ประกอบกับการนำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศ เฉลี่ยเดือนละ 20 ล้านชิ้น และประชาชนบางส่วนหันไปใช้หน้ากากผ้าทดแทนหน้ากากอนามัย ส่งผลให้สต็อกหน้ากากอนามัยของบุคลลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยง เพียงพอต่อความต้องการใช้ เช่นเดียวกับภาพรวมปริมาณหน้ากากอนามัยในตลาดเกินกว่าความต้องการ
โดยในแต่ละวัน โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยได้วันละ 4.5 ล้านชิ้น กลุ่มบุคคลากรทางการแพทย์ต้องการใช้ 2-3 ล้านชิ้น และปริมาณส่วนเกินที่สามารถกระจายถึงผู้บริโภคทั่วไปได้อีก 1-2 ล้านชิ้น
กรมการค้าภายใน จึงออกประกาศว่าด้วยราคาสินค้าและบริการว่าด้วยการปรับวิธีบริหารจัดการหน้ากากอนามัย โดยยกเลิกการรับซื้อหน้ากากจากโรงงาน และอนุญาตให้โรงงานผลิตและจำหน่ายตามกลไกตลาดปกติ แต่ยังคงคุมราคาหน้ากากอนามัยชิ้นละ 2.50 บาท หากพบการจำหน่ายเกินราคาดังกล่าว มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ระวางโทษทั้งจำและปรับ รวมทั้งยังควบคุมการส่งออก ซึ่งต้องขออนุญาตก่อน เพื่อให้โรงงานพร้อมส่งมอบสินค้าให้รัฐบาล หากเกิดการระบาดรอบใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันนี้ (11 ส.ค.) เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังประสานห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ 2 แห่ง กระจายหน้ากากอนามัยในราคาควบคุม หลังโรงงานผลิตบางส่วนยังมีสต็อกวัตถุดิบราคาสูงอยู่ จึงคาดว่าสถานการณ์ราคาและปริมาณหน้ากากอนามัยในท้องตลาดจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ