วันนี้ (12 พ.ย.2563) นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ออกกฎควบคุมการระบาด COVID-19 ใหม่ โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ย.) ซึ่งรวมถึงการปิดสถานบันเทิง ร้านอาหาร และสถานที่ออกกำลังกาย ภายในเวลา 22.00 น.
นอกจากนี้ยังไม่อนุญาตให้รวมกลุ่มกันเกิน 10 คน หลังจากผลการศึกษาและติดตามเส้นทางการแพร่ระบาดของโรค พบว่าการรวมตัวกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ในยามค่ำคืน เป็นแหล่งระบาดชั้นดีของ COVID-19

นายกเทศมนตรีนิวยอร์ก ระบุว่ามาตรการดังกล่าวเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะป้องกันการระบาดระลอกใหม่ และถ้าหากหลังจากนี้อัตราการระบาดยังไม่ลดลงจะสั่งปิดโรงเรียนรัฐบาลในเมืองและให้เด็กเรียนหนังสือทางออนไลน์แทน
ช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. ที่ผ่านมา นิวยอร์กกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐฯ โดยมีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิต มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตประมาณ 18,000 คน
เท็กซัสสร้าง รพ.ชั่วคราว ติด COVID-19 ทะลุ 1 ล้านคน
โรงพยาบาลในรัฐเท็กซัสเริ่มสร้างเต็นท์ชั่วคราวเพื่อรองรับผู้ป่วย COVID-19 หลังจากเท็กซัสกลายเป็นรัฐแรกในสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 1 ล้านคน คิดเป็นอัตราส่วนมากกว่าร้อยละ 10 ของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ
โดยโรงพยาบาลแห่งหนึ่งคาดว่า เต็นท์ที่สร้างขึ้นใหม่จะรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 60 คน และจะเริ่มใช้การได้ในสัปดาห์หน้า

ขณะที่เจ้าหน้าที่ในเมืองเอล ปาโซ ระบุว่า กำลังนำรถบรรทุกห้องเย็น 10 คัน มาใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาร่างผู้เสียชีวิต
ล่าสุดสหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อใหม่อีกมากกว่า 140,000 คนทั่วประเทศ นับเป็นการพบผู้ติดเชื้อในหลักแสนคนติดต่อกันเป็นวันที่ 9 และอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้ป่วย COVID-19 ยังเพิ่มสูงขึ้นจนทำลายสถิติติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยมีจำนวนมากกว่า 65,000 คนแล้ว

ด้านคณะทำงาน COVID-19 ของทำเนียบขาว เตือนว่าอัตราการระบาดของ COVID-19 กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัว โดยเฉพาะในรัฐทางตอนเหนือที่อากาศเย็นลงและผู้คนเริ่มอยู่ในที่ปิดมากขึ้น พร้อมขอให้รัฐต่าง ๆ เพิ่มอัตราการตรวจหาเชื้อ
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลอาจเริ่มให้วัคซีน COVID-19 แก่ชาวอเมริกันได้ในเดือน ธ.ค. หากบริษัทไฟเซอร์ยื่นข้อมูล การทดสอบวัคซีนที่ประสบความสำเร็จถึงร้อยละ 90 ให้แก่สำนักงานอาหารและยาเพื่อขอรับการอนุมัติฉุกเฉินได้ภายในสัปดาห์หน้า
ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ได้ทำสัญญาซื้อวัคซีน 100 ล้านโดสจากไฟเซอร์ สำหรับฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคน คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 60,000 ล้านบาท และอาจจะสั่งซื้อเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส
แท็กที่เกี่ยวข้อง: