วันนี้ (1 ธ.ค.2563) นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ใน จ.เชียงราย เพิ่ม 1 คน เป็นหญิงไทยอายุ 25 ปี กลับมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งทำงานในสถานบันเทิงที่เดียวกับผู้ป่วยหญิง 1 คนใน จ.เชียงใหม่ และ 2 คน ใน จ.เชียงราย
ต้นเดือน พ.ย. ผู้ป่วยเดินทางไปทำงานที่เมียนมา พร้อมเพื่อน 2 คนไม่มีอาการป่วย จากนั้น วันที่ 24 พ.ย. กลับมาทางช่องทางธรรมชาติทางอำเภอแม่สาย พร้อมเพื่อน 2 คน โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอด โดยวันที่ 24-27 พ.ย. มาพักที่โรงแรมใน อ.แม่สาย ไม่ได้ออกจากที่พักไปไหน สั่งอาหารผ่านแกร็บ
วันที่ 28-30 พ.ย. ย้ายมาพักที่โรงแรมในเขต อ.เมืองเชียงราย และได้ประสานเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจหาเชื้อ ผลตรวจยืนยันติดเชื้อ COVID-19 เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยจำนวนผู้สัมผัสทั้งหมด 27 คน แบ่งเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ใกล้ชิด 2 คน ยานพาหนะ 2 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 23 คน
ทั้งนี้ นพ.โสภณ ยืนยันว่าผู้ป่วยรายใหม่มีความเสี่ยงในการแพร่โรคต่ำ มีการสมวหน้ากากอนามัย และอยู่ในห้องพักโรงแรมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ใน จ.เชียงใหม่ และเชียงรายขณะนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ สามารถจำแนกกลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยได้ชัดเจน เชื่อว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
เร่งตรวจเชื้อผู้สัมผัสใกล้ชิด หญิงป่วย จ.เชียงใหม่
นพ.โสภณ ปัจจุบันมีผู้เดินทางเข้าประเทศประมาณวันละ 700 – 800 คน เมื่อเทียบกับในอดีตที่เดินทางเข้ามาวันละประมาณแสนคน ถือว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม อนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางที่มากขึ้น โดยการเดินทางเข้ามาในช่องทางที่ถูกต้อง มีระบบกักกันโรคและตรวจหาเชื้อ แต่การลักลอบเข้าทางพรมแดนธรรมชาติทำให้มีความเสี่ยงได้ จึงต้องขอให้ช่วยกันป้องกัน สอดส่องการเข้ามาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ด้าน นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุภาพที่ 1 ระบุว่า การดำเนินงานสอบสวนและควบคุมโรคของ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย สามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐาน สำหรับการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วย COVID-19 เพศหญิงที่เชียงใหม่ ขณะนี้เพิ่มเป็น 336 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 112 คน โดย 90 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ
สำหรับคนอื่นๆ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจและติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 152 คน ตรวจไม่พบเชื้อ 79 คน ที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลตรวจและติดตาม และผู้สัมผัสอื่นๆ 72 คน ผลตรวจไม่พบเชื้อ 47 คน โดยภายใน 1-2 วัน จะมีการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 และเฝ้าระวังให้ครบ 14 วัน สำหรับด่านพรมแดนได้มีการเฝ้าระวังและสุ่มตรวจหาเชื้อเป็นระยะ และขอให้คนที่เดินทางกลับเข้ามาและมีความเสี่ยง เข้ามารับการตรวจทุกราย
แท็กที่เกี่ยวข้อง: